รีวิว บางกอก สยอง
กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่ขายอาหารในเวลากลางค่ำกลางคืน ประเภทอาหารสตีทฟู๊ดต่างๆ ,สถานบันเทิง ,การคมนาคมต่างๆก็ล้วนสะดวกสบายมากกว่าตามต่างจังหวัดเป็นอย่างมาก แต่ในเมืองที่ดูเหมือนจะมีทุกอย่างเพรียบพร้อมนั้น กลับมีบางมุมของเมือง ที่มีเรื่องราวอันน่าสยองขวัญเกิดขึ้นก็เป็นได้ อย่างเช่น รีวิว บางกอก…สยอง (Bangkok Dark Tales) หนังเรื่องนี้นั่นเอง
บางกอก….สยอง นั้นเป็นการรวมหนังสั้นสยองขวัญสามเรื่องที่พูดถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งมีเหตุการณ์อันน่าขนหัวลุกแยกย่อยแตกต่างกันออกไปตามเรื่องราวที่ผู้กำกับแต่ละคนต้องการจะบอกเล่าแก่ผู้ชม
รีวิว บางกอก สยอง เรื่องย่อ
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่สวยงามโดยเฉพาะยามค่ําคืน มีสตรีทฟูดส์ที่โด่งดังไปทั่วโลกมีความบันเทิงให้ค้นหา…แต่จะมีใครรู้ไหมว่า บางมุมของกรุงเทพฯ เคยเป็นสถานที่ๆ มีเรื่องราวน่าสะพรึง ชวนขนหัวลุกเช่นกัน
หนังไทยยังคงแสวงหาดาวดวงใหม่มาค้ำจุนวงการแบบหวังฟลุ้กกันอยู่เป็นระยะ และนี่คือการทดลองงานของดาวรุ่งที่มาลองทำหนังสั้น 3 ชุดร้อยรวมเป็นหนังยาวอีกครั้ง และแน่นอนว่าแนวหนังที่เพลย์เซฟมากสุดในบ้านเราสำหรับการทดลองคือ หนังผี หนังตลก เพราะถูกจริตคนดูหนังไทยทั่วไป ทั้งยังวัดฝีมือดาวรุ่งได้ง่ายเพราะต้องอาศัยทักษะในการเล่าเรื่อง จังหวะหนัง และรสนิยมอีกหลายอย่างได้ชัดเจน
มาดูกันว่าแต่ละตอนจะเป็นอย่างไร
สวัสดีปีใหม่ โดย อนุสรณ์ สร้อยสงิม : แก้ม (ญี่ปุ่น – ณภัทร บรรจงจิตไพศาล) สาวออฟฟิศนิสัยทะเยอทะยาน ที่ต้องทํางานในวันสิ้นปีเพื่อแลกกับอนาคตและตําแหน่งงานที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัว โดยรุ่นพี่ที่นั่งข้างกันของเธอ เพิ่งตายในที่ทํางานก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ทั้งยังมีคนบอกว่าเห็นเขาใส่ชุดซานต้ามานั่งทำงานต่อด้วย
นี่เป็นตอนที่ ผกก. ที่มีประสบการณ์หนังโรงมาก่อนหน้าแล้วอย่างเรื่อง Present Perfect แค่นี้ก็ดีแล้ว ได้ออกแบบมาเป็นหนังสยองทางเขย่าขวัญแนวฟิล์มนัวร์หักมุมไปมา โดยมีลูกเล่นเรื่องพื้นที่ปิด ตัวละครน้อย บรรยากาศชวนน่าสงสัย รวมถึงปริศนาที่หากต้องการรอดก็ต้องรู้ตัวตนของฆาตกรให้ไวว่ามันคืออะไร คน? ผี? หรือใคร? ซึ่งการเล่าเรื่องก็ถือว่าสร้างความตื่นเต้นได้ดีระดับหนึ่ง แม้จะไม่ได้ใหม่มาก แต่ก็คุมทิศทางเรื่องได้ไม่ถือว่าหลุดเกินไป (ทั้งที่มีโอกาสหลุดไปได้ง่ายมาก) จุดที่น่าเสียดายคงเป็น ความเป็นหนัง ที่ดูออกไปทางทีวีมากกว่าอยู่สักหน่อย การแต่งศพดูหลอกตา และส่วนที่ขัดใจอยู่พอประมาณคือการคุมอาร์ต รวมถึงรสนิยมต่าง ๆ เช่น พร็อพ การเคลื่อนกล้องหลายอย่างดูธรรมดา จนไม่น่าจดจำ ทั้งที่พยายามใช้ชุดซานต้าเป็นกิมมิก แต่ก็ไม่ได้ถูกนำมาขยาย หรือใช้ได้อย่างรู้สึกว่าจำเป็นต้องเป็นซานต้าแต่อย่างใด กลายเป็นว่าพอจบก็ได้เพียงความรู้สึกว่า เล่าสนุกตื่นเต้นพอได้ หักมุมก็พอยอมรับได้ แล้วจบไป
โรงมหรศพ โดย อัลวา ริตศิลา : ออย (ธนัญญา หมั่นทวี) สาวสก๊อยนัด เสี่ยกํามะลอ (แร็ปเอก นราวุธอํานวย) ผ่านแอปเดทฯ ให้มาพบกันครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ หวังจะมีซัมติง ที่ไหนได้กลับแอบเข้าไปในโรงที่เขาห้ามเข้า โรงเปล่าที่ปิดตายฉายหนังวนทิ้งไว้ไร้คนดูเรื่องราวขนหัวลุกจึงบังเกิด
เป็นตอนที่มีลีลาการเล่าแปลกดี และส่วนตัวคิดว่าดูมีเอกลักษณ์มากสุดในทั้ง 3 ตอน หนังเปิดด้วยปริศนาที่จะวนมาทับซ้อนเพื่อเฉลยในตอนหลัง การนำแร็ปเอกมาเล่นก็ถือว่าคุมได้พอประมาณ แต่ยังใช้งานได้ไม่เต็มศักยภาพ อาจด้วยจังหวะการเล่าที่ยังไม่ลงตัวในบางฉาก (โดยเฉพาะเมื่อต้องการความขบขัน) อาจด้วยผู้สร้างน่าจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อทางวัดแขก จึงทำให้หนังมีรสที่แปลกจากหนังผีอื่น ๆ และทำให้หนังดูมีอะไรโดยปริยาย ทว่าปัญหาอย่างเดียวกันกับหนังตอนอื่น ๆ คือ หนังยังยกคุณภาพด้านภาพ และรสนิยมของการใช้อาร์ตในหนังได้ไม่ชัดเจน ทำให้ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นหนังโรงกับหนังทีวี โดยเฉพาะความเชยบางอย่างที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นความตั้งใจเพื่อเล่นสไตล์ หรือเชยโดยธรรมชาติของงานเอง แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นตอนที่ดูสนุกอีกตอน และน่าจะเกลาให้หลอนขึ้น และเอกลักษณ์ชัดกว่านี้ได้
สวัสดีบางกอก โดย ธาลวิมล อ่อนพาปลิว : บี (เชอรีน ณัฐจารี หรเวชกุล) แอน (ปริม กรวรรณ หลอดสันเทียะ) 2 นักศึกษาสาวเพื่อนซี้เข้ากรุงเทพ เพื่อมาทํางานพิเศษแต่ดันมาเช่าบ้านที่มีประวัติสุดสะพรึง เรื่องราวหลอน ๆ ฮา ๆ จึงเกิดขึ้น
เป็นตอนที่วางไว้ให้ตลกได้มากสุด ด้วยทั้งคาแรกเตอร์ และลูกเล่นในฉากต่าง ๆ ทว่าก็ต้องยอมรับว่าได้ผลบ้างเป็นบางฉาก และบางฉากก็ออกอาการแป้กแบบแรง ๆ ด้วยจังหวะยังไม่แม่น แต่ฉากที่เล่นกับการไลฟ์เฟซก็ถือว่าทำได้สนุกดี ความไม่ลงตัวของหนังก็มาจากจุดที่กลมกลืนระหว่างความตลกร้ายและความสยองได้ไม่ค่อยดี ทั้ังที่ว่ากันตรง ๆ ผีในเรื่องนี้ดูทรงน่ากลัวกว่าทุกเรื่องเสียอีก และปัญหาใหญ่ที่สุดก็คงเป็นการเฉลยจุดหักมุมในตอนท้ายเรื่องที่แบบว่า หนังไปโปรยคำใบ้ให้มาสู่จุดนี้ตอนไหน ยิ่งการกระทำของตัวละครเมื่อย้อนนึกกลับไปก็ประหลาดแบบโคตร ๆ ทวีความไม่สมเหตุสมผลไปใหญ่ แต่กระนั้นก็ยังมีข้อดีตรงจุดที่การหลอกหลอนนั้นทำได้ดีในบางฉาก และการเล่นบทปากหมาของปริมนั้นช่วยดึงให้หนังยังคงน่าสนใจได้ตลอดตอน แต่ก็นั่นล่ะพอเฉลยปุ๊บเราก็ได้แต่เกาหัวแกร่ก ๆ ว่าอิหยังวะ
สำหรับหนังเรื่องนี้จะให้อารมณ์เหมือนเราฟังเพื่อนเล่าเรื่องราวสยองขวัญให้ฟังซะมากกว่า เพราะด้วยตัวหนังคือ เหมือนเป็นการเล่าเรื่องสั้นๆ ทั้ง 3 เรื่องเอามารวมกันไว้ เอาเป็นว่า เรามาดูกันเลยดีกว่า ว่าแต่ละเรื่องจะเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยเราจะเล่าให้ฟังไปพร้อมกับการรีวิวไปทีละเรื่อง ๆ นะ
รีวิว บางกอก สยอง เรื่องแรก ชื่อตอนว่า “Happy New Year” (สวัสดีปีใหม่)
เรื่องราวของ “แก้ม” (รับบทโดย ณภัทร บรรจงจิตไพศาล) สาวสวยพนักงานออฟฟิศ ที่มีนิสัยทะเยอทะยาน มีความมั่นใจในตัวเองสูง และชอบดูถูกคนอื่นที่ด้อยกว่าตนเองเสมอ โดยเธอต้องทำงานอยู่จนดึกดื่นในวันสิ้นปี ในขณะที่ หัวหน้าแผนกของเธอเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นานนี้ เธอจึงได้นั่งทำงานกับเด็กนักศึกษาฝึกงาน 2 คน และก็ยังมี รปภ.อยู่ด้านล่างตึกเพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อมองถึงจุดร่วมของหนังสั้นทั้งสามเรื่อง จะเห็นได้ว่าตัวละครเดินเรื่องนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวละครหญิงชนชั้นกลางที่พยายามจะตะเกียกตะกายและหาที่ทางเพื่อเอาชีวิตรอดในสังคมกรุงเทพฯ ในหลากหลายรูปแบบ จนเราเปรียบเปรยพวกเธอดั่งกระบองเพชรในป่าปูน แก้มแอบคบชู้และหลอกใช้คุณสุทธิพงศ์ทำงานจนตาย! ออยเป็นพวกหลอกลวงผู้ชาย ส่วนบีและแอนก็ใช้ความสวยของตัวเองหากินกับการขายเรือนร่างของตัวเองให้กับผู้ชาย เหล่านี้จะทำให้เราได้เห็นว่า ผู้หญิงเองก็มีหนทางที่ต้องฝ่าฟันเอาตัวรอด แต่น่าเสียดายตรงที่บทสรุปของแต่ละตัวละครหญิง ในหนังเรื่องนี้จบลงไม่ค่อยดีนักสักคน จนเราแอบตั้งคำถามอยู่เหมือนกันว่า สุดท้ายแล้วผู้หญิงที่ต้องปากกัดตีนถีบและเอาตัวรอดจากสังคมชายเป็นใหญ่ ก็ยังต้องรับผลกรรมที่ว่า ถึงกฎหมายจะลงโทษพวกเธอไม่ได้ แต่อำนาจมืดบางอย่างสามารถลงทัณฑ์พวกเธอได้เช่นนั้นหรือ?
เอาจริง ๆ ตอนแรกที่ได้ดูเรื่องสั้นเรื่องนี้ก็เข้าใจว่า เราน่าจะได้ดูความหลอนจากผีหัวหน้าเก่าของตัวหลักที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่พอดูไปดูมา หนังได้เปลี่ยนเป็น หนังแนวไล่ฆ่าจากฆาตกรสวมชุดซานตาครอส ถือขวานซะอย่างนั้น เรียกได้ว่า ตัวหนังนั้นสามารถทำให้เราลุ้นไปกับตัวหลักให้มีชีวิตรอดพ้นออกไปให้ได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
เรื่องที่สอง ชื่อตอนว่า “โรงมหรศพ”
เรื่องราวของโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ที่มีการกล่าวขานเอาไว้ว่า เดิมทีนั้นที่แห่งนี้เป็นศาลแขก แต่ถูกโรงภาพยนตร์สร้างทับที่ไป จนเจ้าของต้องทำการปิดโรงภาพยนตร์ที่ 5 เอาไว้ไม่ให้ผู้ชมคนไหนเข้าไปได้ แต่ในโรงภาพยนตร์ที่ 5 นั้นก็ยังมีการเปิดหนังตามปกติ โดยเปิดเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะเชื่อว่า จะมีภูติผีเข้ามาดูระหว่างที่หนังฉาย แต่ด้วยความที่ “ออย” (รับบทโดย ออย-ธนัญญา หมั่นทวี) เด็กสาวที่หวังจะหลอกเอาเงินจาก “เสี่ย” (รับบทโดย แร็ปเอก-นราวุธ อำนวย) โดยการเสนอตัวเข้าแลกไปจ้ำจี้กันในโรงภาพยนตร์ที่ 5 ที่ไม่มีผู้คนอยู่ แต่ความจริงแล้วโรงภาพยนตร์ที่ 5 นี้กลับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
เรื่องสั้นเรื่องนี้ เราว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจหรือมีอะไรให้พูดถึงมากนัก เนื้อเรื่องเหมือนจะเน้นไปที่ เรื่องราวของการเจอกันของตัวเอกทั้งคู่จากแอพหาคู่ซะมากกว่า ซึ่งจังหวะที่ผีออกมาหลอกที่เราคิดว่ามันน่าจะน่ากลัว ก็กลับไม่มีอะไรเลย ถือได้ว่าตอนนี้ยังทำออกมาได้ไม่ดีสักเท่าไร
เรื่องสุดท้าย ชื่อตอนว่า “สวัสดีบางกอก”
เรื่องราวของ “บี” (รับบทโดย เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล) และ “แอน” (รับบทโดย ปริม-กรวรรณ หลอดสันเทียะ) สองสาวเน็ตไอดอลที่เดินทางมาที่กรุงเทพ เพื่อทำงานหารายได้พิเศษ แต่บ้านที่พวกเขาทั้งคู่เช่าอยู่นั้นกลับเป็นบ้านที่เคยมีเหตุฆาตรกรรมยกครัวเกิดขึ้นซะอย่างนั้น
เอาจริงๆกับเรื่องสั้นตอนนี้ เราว่ามันเปิดเรื่องออกมาได้น่าติดตามมาก ๆ เลยนะ แต่หลังจากที่ดูไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่า ทุกอย่างมันดูเดาทางและจบง่ายไปเสียอย่างนั้น อารมณ์ประมาณว่ามีผีมาหลอก ต่อด้วยผีสิงสลับกันกันไปมา แล้วก็ตัดจบเลย
โดยรวมก็ต้องบอกว่าแม้ผู้กำกับหลายคนจะมีประสบการณ์ในการทำหนังสั้น หรืองานโปรดักชั่นมาหลายปี แต่รสนิยมและคุณภาพงานยังไม่ยกระดับตัวหนังให้น่าจดจำได้นัก กระนั้นเราก็ยังจะพอเห็นฝีไม้ลายมือในการเล่าเรื่อง ว่าเป็นคนเล่าเรื่องได้สนุกอยู่เหมือนกัน ถ้าพัฒนาหรือให้เวลากับหนังมากกว่านี้อีก อาจทำได้ดีและน่าจดจำขึ้น ก็เป็นกำลังใจให้หนังไทยและคนทำหนังไทยต่อไปครับ