รีวิว เรื่องผีเล่า
ดูหนังเถื่อน ย้อนกลับไปเมื่อเกือบจะ 20 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่หนังผีของไทยกำลังหุงขึ้นหม้อแบบสุดๆ มีการผลิตสร้างหนังหลอนๆ ออกมาเป็นกำไรของคนดู โดยมีระยะเวลาหนึ่งที่มักจะสร้างออกมาเป็นลักษณะหนังแบบทรี อิน วัน ที่ผสมผสานเรื่องราว 3 เรื่อง เอาไว้ในหนังเรื่องเดียว แล้วปัจจุบันสไตล์หนังแบบนั้นก็ได้กลับมาอีกครั้งใน “เรื่อง ผี เล่า” (Haunted Tales) ที่ได้ประเดิมเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ออกฉายในปี 2564 กับการเล่าเรื่องตำนานเฮี้ยนทั้ง 3 เรื่อง ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน รีวิว เรื่องผีเล่า รีวิวหนังผี ดูหนังออนไลน์
เรื่อง ผี เล่า เป็นผลงานการกำกับของ “เอ๋-ศุภกร เหรียญสุวรรณ” ที่คนดูอาจจะไม่คุ้นชื่อเขาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าเขาเคยเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังซิตคอมดังๆ “เป็นต่อ” หรือ “เฮง เฮง เฮง” มาก่อน ทุกคนคงจะร้องอ่อ ในหนังเรื่องนี้เขาได้เก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์ที่เคยสัมผัสเรื่องราวและเรื่องราวมาจากคนรอบๆ ตัว หยิบเอามาทำเป็นหนังที่แบ่งออกเป็น 3 เรื่อง แน่นอนว่าเขาเองก็มีประสบการณ์เอาดีทางด้านนี้อยู่บ้าง จากการที่เคยกำกับซีรีส์ลึกลับ “เซน สื่อรักสื่อวิญญาณ” และเขาก็ได้หยิบเอามาใช้ในการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย ดูหนังฟรี
สำหรับหนัง 3 เรื่องนั้นได้ถูกแบ่งแยกออกเป็น 3 บทอย่างชัดเจน ผ่านการแสดงหลักๆ ของทั้ง 4 นักแสดง ไม่ว่าจะเป็น “เป้ อารักษ์”, “เอก ธเนศ”, “ปราง กัญญ์ณรัณ” และ “หมาก ปริญ” ดังนั้นในบทความนี้จะขอจำแนกและแยกวิจารณ์หนังในแต่ละบท ทั้ง 3 เรื่อง ที่รวมกันออกมาเป็นหนัง เรื่อง ผี เล่า เรื่องเดียวในครั้งนี้…
อยู่ในรถ (Taxi)
ในช่วงของพาร์ตแรกประเดิมเปิดเรื่องมาได้ค่อนข้างขึงขังดุดันพอสมควร หนังเปิดเรื่องมาแบบไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงใดๆ เพียงแค่ไม่ถึง 5 นาทีแรกก็เข้าประเด็นได้อย่างรวดเร็ว หนังพาร์ตนี้ได้ เป้ อารักษ์ กับ เอก ธเนศ มาประชันบทบาทกันแบบซอฟต์…หอมปากหอมคอ แต่ดูเหมือนว่านักแสดงรุ่นใหญ่รายหลังจะวินๆ เฉือนชนะนักแสดงรุ่นน้องไปได้ด้วยฝีมือ เป้ อารักษ์ ยังดูติดเป็นการแสดง ประกอบกับบทไม่ส่งเสริมเขาสักเท่าไหร่
ในขณะที่ เอก ธเนศ มาแบบนิ่งๆ แต่ทรงพลังแทบจะทุกช็อต อีกทั้งคาแรกเตอร์ตัวละครของเขาก็ดูจะมิติให้คนดูได้นึกคิดตามไปต่อ หนังผสมผสานความหลอนสไตล์หนังผี กับพล็อตแนวหนังจับตัวประกันได้อย่างลงตัว กลายเป็นมุมมองใหม่แบบที่ค่อยได้เห็นในหนังไทยสักเท่าไหร่ แต่ก็น่าเสียดายที่ความรวบรัดของหนังพาร์ตนี้ ค่อนข้างมาไวไปไว ปุบปับก็หักเลี้ยวและปิดฉากลงด้วยบทสรุปแบบง่ายๆ แฝงด้วยคติสอนใจแบบเชยๆ+
ไปผุดไปเกิด (Stuck)
ถัดมาในพาร์ตที่สองของเรื่อง ที่เพิ่มบรรยากาศความวังเวงให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างดี ปราง กัญญ์ณรัณ มาทำหน้าที่แบกรับหนังตอนนี้เอาไว้เพียงคนเดียว แต่ก็เกือบจะไม่รอดซะทีเดียว ต้องยอมรับว่าเนื้อหาพาร์ตค่อนข้างชวนติดตาม เป็นสไตล์พล็อตผีแนวสืบสวนคลายปมปริศนา คนดูจะค่อยๆ ลุ้นหาเบาะแสไปตามตัวละครทีละเรื่อยๆ แต่หนังก็เล่าเรื่องแบบราบเรียบ ไม่มีจุดไหนพีคสุดๆ หลอนสุดๆ เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่เคยเห็นในหนังผีมาหลายเรื่องแล้ว
และก็ได้พบเจอกับปัญหาเดิมอีกครั้ง อีกวิธีการเล่าเรื่องที่เหมือนไปไม่สุดทาง ล่อลวงคนดูไปเกือบจะฟินได้อยู่แล้วเชียว กลับตัดบทและหักเลี้ยวเข้าสู่บทสรุปไม่ได้เหนือความคาดหมายเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังออกจะไปในทิศทางที่แปลกประหลาดไปสักหน่อยด้วย เพราะอยู่ๆ นางเอกของเราก็กลายเป็นหมอผีมาเองเสียอย่างนั้น และก็เช่นเดิมหนังก็ทิ้งท้ายด้วยคำสอนใจที่แสนเชยเอาไว้อีกรอบ
ใบลาน (Book of the Truth)
ปิดท้ายกับพาร์ตที่สาม ที่ต้องยอมรับว่าเป็นพาร์ตที่บทหนังค่อนข้างดูมีมิติมากที่สุดในทั้ง 3 เรื่องแล้ว การหยิบเอาประเด็นความเชื่อแต่โบราณกาลของใบลานมาเป็นประเด็นเล่าเรื่อง เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หนังได้สร้างบรรยากาศความขวัญผวาไปกับความวังเวงแบบไทยโบราณที่มีความน่าเกรงขามอยู่ในตัว แต่กลับน่าเสียดายที่เมื่อออกมาดูภาพรวมทั้งหมดแล้ว หนังพาร์ตนี้กลับไม่พบจุดไหนที่จะทำให้หวาดกลัวได้เต็มที่สักช่วงได้เลย
หมาก ปริญ ทำหน้าที่แบกรับหนังทั้งพาร์ตเอาไว้ได้สบายๆ การแสดงของเขาสามารถไว้วางใจได้ ผู้ชมต้องทึ่งกับฉากที่เขาต้องเล่นและเพ้อเองอยู่คนเดียว อินเนอร์ต่างๆ ออกมาอย่างน่าหวั่นเกรง แต่…ก็ต้องมีแต่ในหนังพาร์ตนี้อยู่ดี เพราะในท้ายที่สุดหนังก็มาเผชิญหน้ากับการเล่าเรื่องที่ไม่สุดทาง บทที่เหมือนจะปูทางมาดี สร้างมิติเอาไว้ค่อนข้างน่าสนใจ กลับล้มเหลวเหมือนแหกโค้ง เมื่ออยู่ๆ ก็รวบรัดตัดตอนสรุปจบแบบหักศอกอีกครั้ง ทำให้สิ่งที่สาธยายเล่ามาทั้งเรื่องนั้น กลับไม่มีอะไรให้น่าสนใจ และแทบจะไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิด
โดยสรุปในภาพรวมแล้ว เรื่อง ผี เล่า ก็เป็นหนังผีที่ไม่ได้ชวนขนลุกขนพองสยองขวัญอะไรขนาดนั้น หนังกลายเป็นการสะท้อนประเด็นเรื่องกฎแห่งกรรมและสอดแทรกด้วยข้อคิดในการดำรงชีวิตอยู่เสียมากกว่า บทหนังยังเต็มไปด้วยปัญหาอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งเรื่องเวลาในการเล่าเรื่องที่จำกัดก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หนังไม่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างเต็มที่ หนังทั้ง 3 ตอนยังไม่สามารถส่งคนดูไปได้ถึงสุดทาง
แต่กระนั้นหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หนังที่แย่อะไร เพราะหนังก็สร้างความบันเทิงและพอจะดูได้เพลินๆ อยู่ในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังแอบฉุกคิดอยู่เลยว่า เรื่องราวทั้ง 3 ตอนของหนังเรื่องนั้น อาจจะคล้ายรายการซีรีส์เตือนใจอย่าง “ฟ้ามีตา” ที่อาจจะปรับโทนเป็นเวอร์ชั่นสยองขวัญ หรืออาจจะเป็นซีรีส์เรื่องผี ที่มักจะนำมาออนแอร์ทางโทรทัศน์ ทุกคืนวันพุธ เมื่อประมาณ 10-20 ปีที่แล้ว หนังบางตอนยังสามารถนำเอาไปขยายเป็นหนังเรื่องยาวได้สบายๆ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีเวลาและพื้นที่เพียงพอที่จะยัดเยียดทุกสิ่งออกมาให้สมบูรณ์แบบได้
เป็นภาพยนตร์จะเล่าเรื่องสยองขวัญที่เป็นเรื่องสั้น 3 เรื่องมารวมกัน อันได้แก่ ‘มันอยู่ในรถ’ จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักธุรกิจหนุ่มที่ไม่ได้ขาวสะอาดเท่าไหร่ และในช่วงเวลาที่เขากลับบ้านด้วยแท็กซี่นั้นก็ต้องประสบพบเจอกับความสยองขวัญในรถ
ตามมาด้วยเรื่อง ‘ใบลาน’ ที่เล่าเรื่องของนักเขียนนิยายสยองขวัญที่ได้รับอีเมลปริศนาเล่าถึงตำนานของสมุดใบลาน ทำให้เขาเอาแรงบันดาลใจเรื่องนี้มาเขียนจนต้องพบกับเรื่องสยองขวัญเสียอีก อีกเรื่องคือภาพยนตร์สั้นเรื่อง ‘ไปผุดไปเกิด’ ซึ่งเล่าเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่พยายามเอาชีวิตรอดในโรงแรมผีดุ โดยเธอต้องการปลดปล่อยวิญญาณร้ายในนั้น
การเล่าเรื่องโดยภาพรวมของทุกเรื่องนั้นบอกเลยว่าค่อนข้างจะทำมาได้น่าผิดหวังครับ แต่ละเรื่องค่อนข้างจะมีจุดบอดหนักๆ เป็นของตัวเอง ตอนที่ ‘เป้ อารักษ์’ แสดงนำนั้น (อยู่ในรถ) พล็อตเรื่องน่าเบื่อและเดาตอนจบได้ตั้งแต่เห็นตัวอย่างด้วยซ้ำ นี่คือตอนที่แย่ที่สุด เพราะเชยมาก ขณะที่ตอน ‘ไปผุดไปเกิด’ ก็นำเสนอออกมาได้ค่อนข้างน่าเบื่อ
พล็อตเรื่องเหมือนไม่ได้ถูกพัฒนาพอให้มาชมอะไรแบบนี้ในโรงภาพยนตร์ เหมือนกำลังอ่านนิยายเลขายอยู่ เหมือนกำลังดูละครสมัยยี่สิบปีที่แล้ว แบบที่แม่บ้านแค่ฟังเสียงเอาแล้วก็ทำงานไปด้วย ขณะที่อีกเรื่องอย่าง ‘ใบลาน’ ก็ดูเร่งรีบ ให้เวลาในการเล่าเรื่องไม่พอ รู้สึกว่าสามารถเป็นหนังยาวได้เลยด้วยซ้ำ
ก็เลยทำให้เรื่องดูสะเปะสปะ ขาดความประณีตและจังหวะที่ถูกที่ควร จู่ๆ ก็เหมือนถูกตัดจบ และรู้สึกว่าบางอย่างที่ปูเรื่องมาก็ไม่ได้นำกลับมาใช้อีก ก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องหรือจะมีการเล่ารายละเอียดบางอย่างใส่ลงมาในตอนนี้ไปทำไมถ้าจะไม่ได้ใช้ในตอนจบ
ปิดท้ายกับพาร์ตที่สาม ที่ต้องยอมรับว่าเป็นพาร์ตที่บทหนังค่อนข้างดูมีมิติมากที่สุดในทั้ง 3 เรื่องแล้ว การหยิบเอาประเด็นความเชื่อแต่โบราณกาลของใบลานมาเป็นประเด็นเล่าเรื่อง เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย หนังได้สร้างบรรยากาศความขวัญผวาไปกับความวังเวงแบบไทยโบราณที่มีความน่าเกรงขามอยู่ในตัว แต่กลับน่าเสียดายที่เมื่อออกมาดูภาพรวมทั้งหมดแล้ว หนังพาร์ตนี้กลับไม่พบจุดไหนที่จะทำให้หวาดกลัวได้เต็มที่สักช่วงได้เลย
สรุปคือ 3 เรื่องสั้นในนี้ไม่ได้มีเรื่องไหนน่าประทับใจเลยสำหรับผมแล้ว ยกเว้นเพียงแต่ว่าคุณต้องการฆ่าเวลาและหวังเรื่องจำนวนเรื่องมากกว่า มันก็พอดูแบบไปวัดไปวาได้ โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้ หากเทียบในไทยกันเองแล้วก็มาในระดับกลางๆ ครับ หนังสั้นแต่ละตอนนั้นเล่าเรื่องในสถานที่เดียว จบในสถานที่เดียว ไม่ได้มีงานสร้างที่น่าสนใจ การจัดฉากจัดแสงก็น่าเบื่อ ไม่ว่าการพยายามจัดแบบสมจริงหรือสาดสีเดียวทั้งห้อง
แต่สิ่งที่ผมไม่ค่อยปลื้มเลยก็คือการออกแบบผี ไม่ว่าจะมาจากการแต่งหน้าทำผมจริงๆ ตั้งแต่แรก หรือแม้กระทั่งการใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ ที่พยายามให้ผีมีลักษณะที่ดูเป็นผีและดูหลอนขึ้น คือมันไม่เวิร์คเลย อันนี้คือเหมือนดูละครสมัยยี่สิบปีที่แล้วจริงๆ หรือถ้าเทียบเป็นฮอลลีวูด เทคนิคพวกนี้อาจจะเก่าเกินสี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ มันซ้ำซากจำเจาน่าเบื่อ เหมือนทำตามต่อๆ กันมาโดยไม่คิดดัดแปลงให้เข้ากับภาพยนตร์ตนเองหรือวิธีการที่เหมาะกับยุคสมัยนี้เท่าไหร่ น่าผิดหวัง
สรุปโดยภาพรวมแล้ว เรื่อง ผี เล่า จึงเป็นภาพยนตร์สยองขวัญไทยที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ในด้านเนื้อเรื่องบางเรื่องพล็อตเชยมากซ้ำซาก บางเรื่องก็น่าเบื่อ บางเรื่องก็รู้สึกว่าเร่งรีบไป เล่าไม่รู้เรื่อง ทำเป็นหนังยาวเลยน่าจะดีกว่า เสียงประกอบของหนังก็ทำได้ไม่ดีนัก ทำให้ฉากตกใจหลายฉากไม่เวิร์ค
มันออกแนวทำให้แสบแก้วหูน่ารำคาญมากกว่า งานโปรดัคชั่นโดยภาพรวมถือว่ากลางๆ หากมองในมุมหนังไทย มันไม่ได้ถึงขั้นเป็นของราคาถูก แต่ก็ไม่ได้ดูสมราคาการดูหนังในโรงเท่าไหร่ งานเทคนิคพิเศษไม่ว่าจะจากการแต่งหน้าผีหรือใช้วิชวลเอฟเฟ็คช่วยก็ดูดาดๆ เน้นทำง่ายเข้าว่า ไม่ได้น่าสนใจนัก…ใครเป็นคอหนังสยองขวัญไทย ชอบดูหนังแบบรวมหนังสั้นเน้นจำนวนเรื่อง อยากหาหนังฆ่าเวลาเล่น ลองชมในโรงภาพยนตร์ได้เลยจ้า!