รีวิว 4 แพร่ง
สี่แพร่ง กับ 4 เรื่องสั้นสยองขวัญที่ยังหลอนติดตาจนถึงวันนี้
โดย พัชชา พูนพิริยะ
ในประเทศไทยมีหนังผีมากมายที่มีความสยองและน่ากลัวจนแทบจัดอันดับไม่ถูก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนังเรื่อง “4 แพร่ง” ของค่าย GTH ที่ได้รวบรวมเอาแนวหนังผีหลากหลายแนวคัดมาทั้ง 4 แนว 4 เรื่องให้อยู่รวมกันในหนังหลักเรื่อง ดังนั้นไม่ว่าใครจะชอบดูหนังผีแนวสยองขวัญ ไสยศาสตร์ มีความตลก หรือลุ้นระทึกก็สามารถชวนกันมานั่งดู 4 แพร่งได้
รับรองว่าคุณจะได้ลุ้นไปกับอารมณ์ความสนุกของหนังผีที่สนุกสนานลงตัวครบทุกแนวแน่นอน หากอยากรู้ว่าจะมีความสนุกแค่ไหนก็ตามมาอ่านรีวิวกันก่อนได้เลย
รีวิว 4 แพร่ง เรื่องย่อ
หนัง 4 แพร่ง จะแบ่งออกเป็นหนังผี 4 เรื่องที่มีความน่าสนุกและลุ้นระทึกแตกต่างกันออกไปตามแนวสไตล์ ดังนี้
ตอนเหงา
1 ใน หนังสี่แพร่งตอนแรก ที่ได้ผู้กำกับ ยงยุทธ ทองกองทุน ที่กำกับ แก๊งค์ชะนีกับอีแอบ และ สตรีเหล็ก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการมากำกับหนังผีเลย โดยส่วนตัวผมมองว่าคงไม่มีอะไรมากมายเพราะพี่แก กำกับมาในแนวทางหนังตลกคงไม่เท่าไหร่กับหนังผี แต่ที่ไหนได้ล่ะครับ พี่แก ประยุกต์ผีซะให้เทคโนโลยี ดิจิตอล กันเลยทีเดียวมาแบบ sms มากันเลย และได้นักแสดงอย่าง เอ๋ เพื่อนสนิท หรือ เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน ที่แสดงได้ดีจริงๆ ต้องบอกถึงความน่ากลัวที่ผู้กำกับป้อนให้คือ ความเงียบ ความกดดัน ความอึดอัด โดยที่ว่า หนังสี่แพร่งในตอนเหงานั้น มีบทพูดน้อยมากหรือไม่ก็แทบไม่มีบทพูดเลย
ส่วนใหญ่จะหนักไปทางใช้เสียงซาวด์เอฟเฟคของโทรศัพท์มือถือ บวกกับ ความเงียบ และการใช้แสงเงาอัน อึมครึมทะมึนๆ จนบอกไม่ถูกว่า ที่ที่เอ๋ อยู่ในเรื่องนั้นมันหอพักหรือ โรงแรมร้างกันแน่ เพราะดูแล้วสภาพน่ากลัวสุดพลัง จนทำให้ผมนั้นจินตนาการไปต่างๆนาๆ และบทที่เอ๋ ต้องรับเป็นสาวขาหักด้วยแล้ว มันดูทรมานอย่างยิ่งในการหลบหนีตอนผี จะมามันทำให้ผมลุ้น หลายๆทีเลยดีเดียว กระเพลกได้ใจมากๆ และที่สำคัญ ในตอนเหงา นั้น เอ๋ ได้แสดงจริงๆโดยไม่ใช้ตัวแสดงแทน ในฉากที่ เธอ ตกตึก นั้นคือ สปิริตนักแสดงอย่างที่สุด ผมข้อยกนิ้วให้กับ ตอน ที่มีชื่อว่าเหงา ในหนัง 4 แพร่งนี้
ยันต์สั่งตาย
สี่แพร่งเรื่องที่ 2 ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของกลุ่มเด็กวัยรุ่นเกเรกลุ่มหนึ่งที่ไปรังแกลูกของหมอผี ทำให้เขาสร้างยันต์ที่เรียกว่า ยันต์สั่งตาย ซึ่งหากใครสบตากับยันต์นี้จะตายโดยทันที ทำให้พวกเขาต้องหลบหนีจากอาถรรพ์ของยันต์ที่คอยติดตามพวกเขาไปทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัวซึ่งมันจะค่อย ๆ ไล่ล่าพวกเขาทีละคนจนเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มีความน่ากลัวหวาดเสียวอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ตอนที่ 3 คนกลาง
ได้ผู้กำกับ บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่กำกับหนังอย่าง ชัตเตอร์ และ แฝด มาแล้ว ผมว่าตอนนี้คือตอนที่ผมว่าเป็นตอนที่ทุกคนหลายคนคงชอบกันรวมทั้งผมด้วยแน่ๆ เพราะได้มีการหัวเราะผ่อนคลายกับมุขหน้าตาย อย่าง นาย ฟรอยด์ ณัฏฐพงศ์ ชาติพงศ์ และ ชาวคณะทั้งอีก 3 คนของพวกเขาเหล่านั้น ทำให้แอบยิ้มหัวเราะแบบฝืนๆเฝื่อนๆกับการที่กลัวมาแล้ว 2 ตอนติด มาตอนที่ 3 คนกลางนึกอุ่นใจมีขำขำมุขฮาๆ เออดีนะ แต่ความผ่อนคลายของผมก็ต้องหมดไปในไม่ช้า เพราะในตอนนี้ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของผมเลยครับ ตอนนี้มันจะผสมผสานระหว่างความฮาและความน่ากลัว แต่ด้วยชื่อของ ผู้กำกับที่ชื่อว่า บรรจง ที่ทำให้ผมน้ำตาไหลกับชัตเตอร์นั้น ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยสักนิด แถมยังประทับใจอีกต่างหาก ด้วยการแสดงที่เข้ากันและเป็นธรรมชาติอย่างมากๆ ซึ่งทำให้เราเชื่อสนิทใจว่าพวกเขาเหล่านี้สนิทกันจริงๆ เหมือนปฏิกิริยาเคมีที่ลงตัว หรือถ้ามันยากไปก็ เหมือนส้มตำคู่ไก่ย่าง ผสมกับการเล่าเรื่องสไตล์แปลกใหม่ ตัวหนังเองยังแทรกการเสียดสี ถึงวงการหนังไทยเล็กๆ หนังผีของฝรั่งหน่อยๆ ซึ่งเมื่อเสียดสีเสร็จ หนังตอนนี้ก็แสดงให้ดูเลยว่า ผีแบบใหม่เป็นอย่างไร และขอบอกว่าตอนจบ อาจจะทำให้หลายๆคน ตะลึงและอึ้ง ที่ผู้กำกับคนนี้ซัดเราอยู่หมัดจริงๆครับ หลอกกันได้แม้ไม่ใช่ผีก็เถอะ และ ตอนคนกลาง นี้ก็ทำออกมาได้สยองและตลกในเวลาเดียวกัน ซึ่งครั้นจะตลกก็ฮาสุดฤทธิ์ แต่พอคิดจะสยองขึ้นมากลับขนลุกได้ดีเลยครับ โอย..และ ผมเป็นคนชอบ ผจญภัยแบบนี้ด้วยสิ นึกแล้วเสียวว..!!
ตอนที่ 4
เที่ยวบิน 224 ได้ผู้กำกับอย่าง ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่กำกับหนังสุดน้ำตานองแก้มที่ผมช็อคสุดใจสมัยวัยรุ่น อย่าง ชัตเตอร์ และ แฝด อีกแล้วครับท่านผู้อ่านท่านผู้ชม ในตอนนี้ได้นักแสดงอยาก พลอย เฌอมาลย์ บุญศักดิ์ มาแสดงซึ่งตอนนี้ มีการคล้องกับตอนที่ 3 คือ คนกลาง จนทำให้ นางเอกของเราต้องเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น และเหตุการณ์เหล่านั้ ก็ทำให้ผมและคนนั่งข้างๆ และคนอีกหลายคนในโรงนั้น กรี๊ด กร๊าด แหกปากกันตามกันเลยทีเดียว ตอนนี้ถือว่าเป็นตอน ไคล์แมกซ์ ของหนังที่จะทำให้ทุกคนจดจำกับบ้านให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะการแสดงของพลอย การใช้ฉากที่อึมครึมและแคบในเครื่องบินโดยสาร กับการที่ผู้กำกับพยายามยัด เสียงการไอ การใส่ลูกเล่นตกใจจนน่าผวา
ผมว่าตอนที่ 4 ไม่รู้จะหาคำบรรยายจากไหนว่าไม่บีบครั้นหัวใจ จนหลอนได้อีก ไม่ไหวแล้ว สำหรับตอนนี้ ผมว่าทำได้อย่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าผมเป็นสจ๊วตและต้องมาเจอแบบนี้ ผมก็ไม่เป็นดีกว่าเห๊อะ..โอยย สรุป หนัง 4แพร่ง นั้นทั้งเนื้อเรื่องความสอดคล้องของหนังนั้นมีการต่อเนื่องกันได้ ถ้าเราดูกันดีๆ ถึงจะไม่กระโดดเว่อร์ๆแต่ก็ เรียบเรียงเหตุการณ์ได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่อง เอฟเฟกต์ ของนั้นคงไม่ต้องพูดอะไรมากมายทำได้ดีมากคนไทย คนทำหนังอยากให้เอาเยี่ยงอย่างแบบนี้หรือ ให้ดีกว่าไปเลยผมยอมรับว่า เอฟเฟกต์ ของหนังเรื่องนี้อยู่อันดับต้นๆของประเทศไทยแน่นอน ส่วนเรื่องความน่ากลัวสำหรับคอสยองขวัญคงได้ใจกันไปเต็มๆ ผมไม่ชอบหนังผี แต่ผมดูหนังผี สี่แพร่งต้องบอกว่า หนังมีเขานั้นมีการยืดหยุ่นและเล่นกับระดับอารมณ์ของผู้ชมได้ดีอย่างมาก ยกตัวอย่างเรื่องน่ากลัวค่อยๆผ่อนเบาด้วยความ เล่นมุขตลก และตบท้าย ด้วยการหลอนแบบสะพรึงงันแบบทันใจทันด่วนเลย ผมบอกได้เลยว่าดูหนังสี่แพร่ง ต้องมีคนลุกยืนไม่ไหวแน่อาจจะกลัวหรือทำใจในการเดินก่อน ( ผมนึงคนในนั้นหัวใจเต้นตึกตักๆ ) ซึ่งบางคนอาจปากแข็งว่า ไม่เห็นเท่าไหร่เลยเฉยๆอะ ผมมั่นใจเลยครับว่า ความสะพรึงมันยังไม่หาคุณตอนคุณอยู่กับเพื่อนฝูงแต่คุณกลับบ้านอยู่คนเดียวแล้วคุณ จะนึกถึงความสะพรึงนั้นที่ตามติดมา
ความน่าสนใจของหนัง 4 แพร่ง
เรื่องที่ 1 เหงา จะออกแนวหลอนไปกับการเป้าหมายของผู้ที่ส่ง SMS มาให้นางเอกว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะยิ่งคุยกันตัวหนังก็ยิ่งบีบให้บรรยากาศชวนอึกอัดจากการคุยธรรมดาจนกลายมาเป็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคะยั้นคะยอจะมาหาปิ่นซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่มีทางยอม แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาว่า “คุณอยู่คนเดียว ผมเห็น”
ทำให้เธอพยายามที่จะล้มเลิกการคุยกับอีกฝ่ายแต่ยิ่งหลีกหนีก็ยิ่งตาม โทนเรื่องก็เป็นแบบมืด ๆ ยิ่งทำให้ดูหลอนและตัวเรื่องก็บอกที่มาที่ไปของหนุ่มใน SMS ได้เป็นอย่างดี ทำเอาเรากลัวการอยู่หอไปเลยพอดูจบ
เรื่องที่ 2 ยันต์สั่งตาย จะออกแนวน่ากลัวปนหวาดเสียวและลุ้นว่ากลุ่มวัยรุ่นเกเรจะหนีจากอุบัติเหตุอันส่งผลมาจากอาถรรพ์ของยันต์สั่งตายได้อย่างไร อารมณ์เหมือนดูหนังฆาตกรไล่ล่าที่มีวิธีการเหี้ยมโหดมากมายไม่ว่าจะเป็นจุดไฟเผาเห็นถึงน้ำเหลืองต่าง ๆ โดนของแหลมเสียบ รวมถึงควักลูกตาซึ่งต้องใจแข็งมากเวลาดู ผีจะออกมาแนว ๆ คล้ายซาตานหรือปีศาจซึ่งขนลุกเหมือนกัน ดูเรียลมาก
เรื่องที่ 3 คนกลาง แพร่งนี้เราชอบมากเพราะไม่ค่อยน่ากลัว แต่จะมีแบบผีโผล่มาอย่างไม่ตั้งตัวตามสูตรหนังผีปกติซึ่งหน้าก็ไม่ได้เละ ด้วยความที่เป็นผีเพื่อนซึ่งเสียชีวิตตอนเรือล่องแก่งล่มทำให้คนที่เหลือรักเพื่อนก็รักแต่กลัวก็กลัว
จึงออกแนวตลกแบบฮา ๆ มีมุขมากมาย วิ่งหนีผีอยู่แต่บริเวณป่า น้ำตกแล้วก็มาเต็นท์อยู่ 3 ที่นี่ล่ะ แล้วจุดพีคก็มาแบบปังจนคนดูร้อง “เฮ้ย!” ตาม ๆ กัน เข้าใจวิถีของคนที่ตายโดยไม่รู้ตัวเลย
เรื่องที่ 4 เที่ยวบิน 224 จากความตลกร้ายในแพร่งก่อนหน้าก็ได้เวลาของเสียงกรีดร้องลั่นบ้านของจริงกับแพร่งที่ 4 เที่ยวบิน 224 ซึ่งมีบรรยากาศที่ชวนให้กดดันระหว่างพิมกับเจ้าหญิงโซเฟียตั้งแต่แรก คือเหมือนทั้งสองคนต่างแอบรู้จักอีกฝ่ายแบบลับ ๆ จากแหวนและรูปภาพซึ่งตัวเจ้าหญิงโซเฟียรู้มาว่าสามีตัวเองที่เป็นเจ้าชายได้แอบไปมีผู้หญิงคนอื่นซึ่งก็คือ “พิม” นั่นเองจึงได้หาทางกลั่นแกล้งแบบอ้อม ๆ
ส่วนตัวพิมก็เจ้าคิดเจ้าแค้นอีกฝ่ายที่กระทำตนเช่นเดียวกันจึงทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมลับหลังเจ้าหญิงอยู่บ่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิต ซึ่งเรื่องจะมาสร้างอารมณ์สยองขวัญสั่นประสาทให้กับเราก็ตอนที่พิมต้องเฝ้าพระศพเจ้าหญิงโซเดียตั้งแต่ต้นทางให้ถึงปลายทางที่เครื่องบินลงจอดเพียงลำพังนี่ล่ะ คือคาแร็กเตอร์เจ้าหญิงตอนเป็นคนก็ว่าร้ายเงียบดูน่ากลัวแล้ว
พอเป็นร่างไร้วิญญาณก็ยิ่งสยองหลอกหลอนพิมจนสติแตกมากมายทำเอาเปิดตาดูแทบไม่ได้เลย ซึ่งเอาจริง ๆ เรื่องก็จบแบบปลายเปิดอยู่นะ คือ สิ่งที่พิมเจออาจเป็นวิญญาณของเจ้าหญิงที่อาฆาตคนที่ทำให้ตัวเองต้องการและลักลอบเป็นชู้กับสามีก็ได้
แต่จะบอกว่าอาจเป็นจิตใต้สำนึกของพิมที่เกรงกลัวบาปที่ตัวก่อเอาไว้กับพระองค์หลายอย่างจนเห็นภาพหลอนเกิดอาการ Phobia จนควบคุมตัวเองไม่อยู่และเผลอทำร้ายตัวเองก็ย่อมเป็นไปได้เช่นเดียวกัน เป็นอีกแพร่งที่สนุกและลุ้นไปสั่นไป