รีวิว Body ศพ#19
ภาพยนตร์ไทยแนว Mystery Psychological Horror จากค่าย GTH ของผู้กำกับ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ซึ่งเขียนบทโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ และ ปวีณ ภูริจิตปัญญา
นำแสดงโดย
– เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบทเป็น ชลสิทธิ์
– แป้ง อรจิรา แหลมวิไล รับบทเป็น เอ๋ (พี่สาวของ ชลสิทธิ์)
– เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร รับบทเป็น หมออุษา (ภรรยาของ หมอสุธี)
– ปลาย ปรเมศร์ น้อยอ่ำ รับบทเป็น หมอสุธี (สามีของ หมออุษา)
– เมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล รับบทเป็น ดาราราย
สำหรับ ‘บอดี้ ศพ19’ หนังไทย แนวจิตวิทยา ที่ยังไม่ค่อยมีค่ายไหนในวงการหนังไทยที่ใจกล้าได้ขนาดนี้ หนังอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบหนังแนวจิตวิทยา แนว mystery psychology หรือเรื่องราวหักมุมที่เรามักจะได้เห็นในหนังต่างประเทศ อยากให้ลองเปิดใจให้กับบอดี้ ศพ19 รับรองว่ากระพริบตาไม่ได้แม้แต่ฉากเดียว
เรื่องราวต่างๆ ของบอดี้ ศพ19 เริ่มต้นจาก “ชลสิทธิ์” (เป้ slur)นักศึกษาหนุ่มที่อยู่ๆ ก็เกิดฝันถึงเหตุการณ์ประหลาด จนเกิดเหตุการณ์บางอย่างในชีวิตเขา หนักขึ้นๆ ทำให้ชลต้องเข้าไปปรึกษากับจิตแพทย์ ซึ่งเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก็ยิ่งได้พบได้เห็นกับอะไรที่เขาเองก็คาดไม่ถึง เว็บดูหนัง
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ เรื่องราวของ ชลสิทธิ์ นักศึกษาหนุ่มคณะวิศกรรมศาสตร์ที่อาศัยอยู่กับพี่สาวชื่อ เอ๋ ซึ่งเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ วันหนึ่ง ชลสิทธิ์ ตื่นขึ้นมาในโรงละครที่กำลังทำการแสดงดนตรีอยู่อย่างงงๆ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบอะไร เขาก็รีบเดินออกมาจากข้างนอก และเดินทางกลับบ้านทันที ตั้งแต่นั้นมา ชลสิทธิ์ มักจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมฆ่าหั่นศพหญิงสาวรายหนึ่งอยู่ตลอดเวลา และในฝันนั้นเขายังเห็นผีตนหนึ่งที่มักจะเอ่ยถึงชื่อ ดาราราย ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ เขา
รีวิว Body ศพ#19 รีวิวหนังผี
อาการฝันร้ายของ ชลสิทธิ์ เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงถึงขั้นที่เขาไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิท จนสภาพร่างกายและจิตใจค่อยๆ แย่ลง แถมบางครั้งมันทำให้เขาเห็นภาพหลอนของผีตนนั้นที่คอยตามมาหลอกหลอนเขา จนกระทั่งเขาพลั้งมือบีบคอ เอ๋ จนเกือบตายเพราะคิดว่าเป็นผี
เอ๋ จึงขอให้เขาไปหาหมอเพื่อทำการรักษา เขาจึงได้ติดต่อขอเข้ารับการรักษากับ หมออุษา ตามคำแนะนำของ หมอจิ๊บ ที่ได้แนะนำให้กับเขาในวันที่เขาได้เข้าไปทำแผลที่โรงพยาบาล
แต่หลังจากเข้าพบ หมออุษา เขาก็คิดว่าการรักษาไม่น่าจะได้ผล เขาจึงพยายามสืบหาต้นตอของฝันร้ายนั้นเองว่าผีตนนั้นต้องการอะไรจากเขา แล้วชื่อ ดาราราย ที่เขาได้ยินจากผีตนนั้นคือใคร และเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุฆาตกรรมที่เขาฝันถึง
จากในความฝันลึกลับที่แทบจะคล้ายกับความเป็นจริงนั้น ทำให้ชลรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อที่โดนฆาตกรรม รู้สึกถึงลมหายใจสุดท้าย และได้ยินคำว่า “ชื่อดาราราย ตามหาฉันให้เจอ” ..หมออุษาเองก็เริ่มตามหาตัวดาราราย และความสัมพันธ์ของสุธีกับดารารายก็เริ่มคลายปมออกมา ในขณะที่ชลก็ต้องการพิสูจน์ว่าเค้าไม่ได้บ้าอย่างที่พี่สาวและหลายคนเข้าใจ แต่ภาพหลอนก็ยังตามติดชล กลับทำให้เขาได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์ฆาตรกรรมที่เกิดขึ้นในจินตนาการและความฝันที่เสมือนจริงนั้น
รีวิว Body ศพ#19
ด้วยร่องรอยเพียงน้อยนิดของผู้หญิงในฝัน มันนำชลไปสู่ตู้เก็บศพหมายเลข 19 ชลพยายามจะพิสูจน์กับเอ๋ว่า เขาไม่ได้บ้าไปเอง และความลับในตู้ใบนั้นเท่านั้นที่จะยืนยันได้ ในขณะที่ยิ่งอุษารักษาชลนานเข้า เธอก็เริ่มสงสัยว่า ชลอาจเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว นับแต่เขาก้าวเข้ามาเป็นคนไข้ของเธอ
ภายในตู้หมายเลข 19 ร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง นอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่ที่ทั้งแคบ มืดมืิดและหนาวเหน็บสุดขั้วหัใจ เธอกำลังร่ำร้องหาใครบางคน ด้วยความคิดถึง แต่มันเป็นความคิดถึงที่คุกรุ่นไปด้วยแรงแค้น แค้นที่ต้องมานอนอยู่ในตู้ใบนี้คนเดียว
หนังไทยที่กล้าเล่นท่ายากกับประเด็นของจิตวิทยาฆาตกรรม
ในส่วนขององค์ประกอบบทหนังที่ผมประทับใจมากที่สุด ก็คงย่อมจะหนีไม่พ้นกับการเอาเพลง “คิดถึงเธอทุกที(ที่อยู่คนเดียว)” ดูหนังออนไลน์ (ที่โดยส่วนตัวก็ชอบมากๆ ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ ของพี่เจนนิเฟอร์ คิ้มอยู่แล้ว) มาเล่นเป็นเงื่อนไขกับเรื่องราวของหนัง …ไม่ว่าจะตั้งแต่ฉากเริ่มที่คุณแพท-สุธาสินี ร้องชวนหลอนเอาไว้ได้อย่างทรงพลัง มาจนถึงการยอกย้อนไปสู่จุดที่ทำให้ตัว ชลสิทธิ์ เกิดขึ้นมา… การสะกดจิตโดยใช้บทเพลงที่ฟังแล้วเหงา หว้าเหว่ ละเหี่ยใจ ทำให้นึกถึงใครคนอื่น ช่วยส่งผลให้อารมณ์ของหนังถูกสะกดตรึงเอาไว้กับการสื่อสารของตัวเพลง …แล้วในฉากที่ดารารายร่ายมนต์สะกดด้วยเพลงนี้ในเวลาที่เธอรู้ตัวว่าต้องตาย ก็ยิ่งส่งพลังให้ตัวเพลงทำเอาผมขนลุกที่ได้รู้ความจริงที่นำมาซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง ที่กลายเป็นหนังความยาวสองชั่วโมงอันสนุกเข้มข้นเรื่องนี้