รีวิว Midsommar เทศกาลสยอง
เรื่องราวของ แดนี่ และ คริสเตียน คู่รักที่ความสัมพันธ์ระหองระแหงไม่สู้ดีนัก หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ที่แดนี่ต้องสูญเสียพ่อแม่และน้องสาวไปพร้อมๆ กัน แดนี่ก็ตัดสินใจไปพักผ่อนที่ประเทศสวีเดน พร้อมกับคริสเตียน และเพื่อนๆ ของเขา จุดหมายคือเทศกาลเฉลิมฉลองฤดูร้อนในหมู่บ้านอันห่างไกลผู้คน ซึ่งเทศกาลเก่าแก่นี้จะจัดขึ้นทุกๆ 90 ปี เป็นเวลา 9 วัน ซึ่งใน 9 วันนี้พระอาทิตย์จะไม่ตกดิน.. แต่ยิ่งพวกเขาคลุกคลีอยู่กับเทศกาลที่เหมือนจะสดใสสวยงามนี้เท่าไร ก็ยิ่งค้นพบเรื่องราวสุดประหลาดชวนขนหัวลุกขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะถอนตัวก็สายไปเสียแล้ว
บอกก่อนว่าหนังเรื่อง MIDSOMMAR ‘เทศกาลสยอง’ นี้ได้เรท [ฉ.20] สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะมีฉากโหดร้ายรุนแรง และฉากเซ็กส์แบบเห็นจะๆ จึงต้องมีการตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าโรงด้วย
ความรู้สึกแรกหลังจากที่ดูจบออกมาคือ เป็นหนังที่ยิ่งดูก็ยิ่งทรมานสัสๆ มันกระอักกระอ่วน มวนท้อง หน้าร้อนผ่าว แถมหนังยังยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง! บอกไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าสนุกหรือไม่สนุก สถานที่สวยงาม แสงแดด ท้องฟ้า ทุ่งหญ้า ดอกไม้สีสัน แต่เบื้องหลังคือพิธีกรรมบูชายัน ที่น่าหดหู่ มันช่างขัดแย้งสุดๆ ยิ่งดู ก็ยิ่งเหมือนโดนล้างสมองไปเรื่อยๆ เข้าไม่ถึง มีแต่ความสงสัยงงงวยไปหมด ว่าโลกเรายุคนี้ยังมีพิธีกรรมแบบนี้อยู่อีกหรือ ทำทำไม เพื่ออะไร
รีวิว Midsommar เทศกาลสยอง
พูดถึงฉาก 20+ บ้าง ฉากตายคือเละเทะ ไม่มีเซ็นเซอร์ ไม่มีหลบมุมกล้อง แถมฉากก็สว่าง แดดจ้าเหลือเกิน คือดูกันชัดๆ เต็มตาไปเลย! แต่ฉากพวกนี้ไม่ได้มีเยอะเลยนะ แต่มีทีคือหนักจริง หดหู่จริง เล่นเอาเงียบทั้งโรง ได้ยินแต่เสียงพรึมพรำในลำคอ อือออ อูยยย.. ฉากเซ็กส์ก็จัดให้แบบโจ่งครึ่ม เห็นนม เห็นขน เห็นอวัยวะชายโทงเทงชัดเจน แต่มันคือพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ดูแล้วถามว่ามีอารมณ์ไหม? ตอบเลยว่าหดจ้าาา
เนื้อหาหนังดูไม่ยาก รู้เรื่อง แต่ตีความยากมากกกกก เหมือนมีรายละเอียดอะไรซ่อนอยู่มากมายยิบยับ เกี่ยวกับลัทธิประเพณีที่เราเข้าไม่ถึง สัญลักษณ์ต่างๆ ภาพวาดต่างๆ ในหนังล้วนมีความหมาย ลึกล้ำ เหมือนงานศิลปะที่เราดูไม่รู้เรื่องในทีเดียว ต้องไปหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมต่อ.. แต่สำหรับแอดขอผ่าน ไม่อยากรู้แล้ว เพราะการดูหนังเรื่องนึงก็อยากได้ความบันเทิงมากกว่า แบบที่เข้าใจง่ายหน่อย แต่นี่เหมือนได้ความมึน ความซึมกลับมา ออกมาไม่พูดไม่จา จิตตก เดินกลับบ้านไปอย่างเงียบๆ เลย
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ใครอยากวัดใจ หรือใครที่ชีวิตมีความสุขเกิน อยากลดลงบ้าง หรือใครที่อยากรู้อยากเห็นฉาก 20+ ในหนัง แนะนำให้ตีตั๋วไปดูเลย ดูหนัง
ฉายวันที่ 15 สิงหาคม 2562 | Mongkol Major
ผู้กำกับ Ari Aster
นักแสดง Florence Pugh, Jack Reynor, Vilhelm Blomgren
เนื้อเรื่อง
Midsommar เทศกาลสยอง (2019) คือผลงานเรื่องล่าสุดของ Ari Aster ผู้กำกับและนักเขียนบทที่สร้างชื่อจาก Hereditary– กรรมพันธุ์นรก (2018)
เรื่อง Hereditary บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่สูญเสียลูกคนหนึ่งไปอย่างน่าสลดสยดสยอง แต่สิ่งที่ตามมาหลอกหลอนผู้เป็นแม่และทุกคนในครอบครัวนั้นน่าสยดสยองยิ่งกว่า โดยบรรยากาศของเรื่องนี้จะดาร์ก ๆ หม่น ๆ และชวนสยองขวัญอย่างชัดเจน
ส่วน Midsommar สร้างบรรยากาศที่แตกต่างออกไป หนังเล่าเรื่องของ Dani (Florence Pugh จาก Fighting with My Family) ที่เพิ่งสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป และขอติดตามแฟนหนุ่มของเธอ Christian (Jack Reynor จาก Sing Street) ร่วมด้วยเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ได้แก่ Pelle (Vilhelm Blomgren), Josh (William Jackson Harper), และ Mark (Will Poulter จาก The Maze Runner) ไปสวีเดนด้วย
นักแสดงนำ: Florence Pugh, Jack Reynor, Vilhelm Blomgren, William Jackson Harper, Will Poulter ดูหนังออนไลน์
การดำเนินเรื่อง
จุดประสงค์หลักของทริปนี้คือ พวกหนุ่ม ๆ ไปเพื่อหาข้อมูลทำ thesis ป.โท ที่ชุมชน Hårga ซึ่งเป็นบ้านของ Pelle และกำลังจะมีเทศกาลพิเศษที่จัดทุก ๆ 90 ปีด้วยพอดี โดยไม่มีใครคาดฝันว่าจะได้เจอกับประสบการณ์สยดสยอง 20+ (ชนิดแบบต้องตรวจบัตรประชาชน) ซึ่ง contrast กับบรรยากาศที่สว่างสดใสโดยสิ้นเชิง ส่วนประเด็นหลัก ๆ ของหนังสยองขวัญเรื่องนี้ก็คือ “ความรัก/ความสัมพันธ์” โดยเริ่มเรื่องเราจะเห็นได้ว่า Dani กับ Christian ระหองระแหงกันและใกล้จะเลิกกันเต็มแก่ แต่เกิดโศกนาฏกรรมในครอบครัวของ Dani ขึ้นก่อน ทำให้ Christian ไม่สามารถบอกเลิกกับ Dani ได้ และจำต้องให้เธอไปสวีเดนด้วย
รีวิว Midsommar
การสูญเสียครอบครัวทำให้ Dani กลายเป็นตัวคนเดียว และ Christian ก็ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นหรือ “feel like home” ด้วยได้ เพราะ Christian เป็นแฟนที่ดูไม่ค่อยเอาใจใส่ แม้แต่วันเกิดของแฟนก็ลืม หรือจำนวนปีที่คบหากันมาก็จำไม่ได้ เพื่อน ๆ ของ Christian โดยเฉพาะ Mark ก็ดูไม่ค่อยต้อนรับเธอ เธอรู้สึกเป็นคนนอกเมื่ออยู่กับ Christian และกลุ่มเพื่อนของเขา จะมีก็แต่ Pelle ที่พอจะเป็นมิตรกับเธอบ้าง ที่ชุมชน Hårga ของ Pelle ทุกคนอยู่กันเหมือนครอบครัว แชร์กันทุกอย่าง ตั้งแต่ที่พักอาศัย อาหาร จนไปถึงอารมณ์ความรู้สึก เช่น ถ้าคนนึงเศร้า คนอื่น ๆ ก็จะมาสุมหัวกันร้องไห้ตามกันไปด้วย ซึ่ง Dani ไม่เคยมีใครสนใจความรู้สึกของเธอแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะจากครอบครัวหรือจากคนรักของเธอ ดูหนัง4k
นอกจากนี้ ชุมชน Hårga จะมีขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมในแบบฉบับของเขา เช่น ชีวิตของคนในชุมชน Hårga ใน 1 วัฏจักรถูกแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ฤดูละ 18 ปี คือ spring (แรกเกิด-18 ปี), summer (อายุ 18-36 ปี), fall (36-54 ปี), และ winter (54-72 ปี) ซึ่งฤดูหรืออายุของพวกเขาจะเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของพวกเขาด้วย
เราจะได้ติดตามชีวิตของประชากรชุมชนนี้ผ่านมุมมองของกลุ่มตัวละครหลักซึ่งเป็นคนนอกของชุมชน ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันและอังกฤษ พวกเขาเหล่านี้เป็นเสมือนตัวแทนของคนดูอย่างเรา คือเดินเข้าไปงง ๆ ใช้ชีวิตแต่ละวันที่ชุมชนนั้นอย่างงง ๆ เป็นวัน ๆ ไป อยู่แบบไม่รู้อะไรเลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
สำหรับคนเมืองแต่กำเนิดอย่างพวกเราย่อมตัดสินตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่า ชุมชน Hårga มีธรรมเนียมที่วิปริตวิปลาศและไร้อารยธรรม แต่ถ้ามองจากมุมของเขา เขาก็อาจจะมองว่าวิถีชีวิตคนเมืองอย่างเรา ๆ มันโหดร้ายยิ่งกว่าของเขาก็ได้ หรือถ้าจะมองในแง่มุมดี ๆ ชาว Hårgan ก็ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และช่วยควบคุมจำนวนประชากร ทั้งปริมาณและคุณภาพ
รีวิว เทศกาลสยอง
ความหายนะของชาวต่างถิ่นในเรื่องค่อย ๆ บังเกิดขึ้นเมื่อเริ่มลบหลู่ รุกล้ำ และล้ำเส้นขนบของชาว Hårgan (จริง ๆ ต่อให้มาอยู่เฉย ๆ สุดท้ายก็คงไม่รอดจากหายนะอยู่ดี) เช่น ตัวละคร Mark เป็นคนที่พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคนและไม่รู้จักกาลเทศะ คิดจะทำคิดจะพูดอะไรตามใจฉัน แถมยังหมกหมุ่นกับเรื่องผู้หญิง ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็เจอของดีเข้าให้ อย่างไรก็ตาม Mark เนี่ยเป็นตัวละครสร้างสีสันตัวหนึ่งของเรื่องเลย แค่เขาอ้าปากพูดทีไร ก็ทำให้คนในโรงขำได้แทบทุกที (นึกถึงสมัย Will เล่น Narnia เมื่อเก้าปีที่แล้ว)
แน่นอนว่า เราเตรียมใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชุมชนนั้นไว้มากกว่าตัวละครหลักในหนังอยู่แล้ว เพราะเรารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีฉาก 20+ ไม่ว่าจะฉากเซ็กส์ ฉากโป๊เปลือย ฉากเละ ๆ เหวอะ ๆ หรือฉากรุนแรงต่าง ๆ เราก็แค่รอเวลาว่าฉากแบบนั้นมันจะโผล่มาให้เห็นเมื่อไหร่
พูดถึงฉาก 20+ บ้าง ฉากตายคือเละเทะ ไม่มีเซ็นเซอร์ ไม่มีหลบมุมกล้อง แถมฉากก็สว่าง แดดจ้าเหลือเกิน คือดูกันชัดๆ เต็มตาไปเลย! แต่ฉากพวกนี้ไม่ได้มีเยอะเลยนะ แต่มีทีคือหนักจริง หดหู่จริง เล่นเอาเงียบทั้งโรง ได้ยินแต่เสียงพรึมพรำในลำคอ อือออ อูยยย.. ฉากเซ็กส์ก็จัดให้แบบโจ่งครึ่ม เห็นนม เห็นขน เห็นอวัยวะชายโทงเทงชัดเจน แต่มันคือพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ดูแล้วถามว่ามีอารมณ์ไหม? ตอบเลยว่าหดจ้าาา
แต่ถึงแม้จะทำใจมาระดับหนึ่งแล้ว ฉากเหล่านั้นมันก็ไม่ได้มีมาถี่ ๆ จนประสาทกิน และก็รู้สึกว่าภาพไม่ติดตาเท่ากับจากเรื่อง Suspiria แต่แต่ละฉาก 20+ ของ Midsommar ก็ทำเราหน้าเหยเก อึดอัด กระอักกระอ่วน และหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ไม่น้อย ดูไปก็ร้อง WTF ไปเช่นกัน ดูหนังออนไลน์4k
เรื่องย่อ Midsommar
ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สองจากผู้กำกับและเขียนบทที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากหนัง Hereditary กรรมพันธุ์นรก ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาที่เดินทางไปท่องเที่ยวพร้อมทั้งทำวิทยานิพนธ์พิธีกรรมโบราณในหมู่บ้านชนบทอันห่างไกลของประเทศสวีเดน ที่มีปรากฎการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน (อ่านรายละเอียดท้ายรีวิว) ซึ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนี้ได้ไปพบเรื่องสยองแบบไม่คาดคิด
เรื่องราวของ แดนี่ และ คริสเตียน คู่รักที่ความสัมพันธ์ระหองระแหงไม่สู้ดีนัก หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ที่แดนี่ต้องสูญเสียพ่อแม่และน้องสาวไปพร้อมๆ กัน แดนี่ก็ตัดสินใจไปพักผ่อนที่ประเทศสวีเดน พร้อมกับคริสเตียน และเพื่อนๆ ของเขา จุดหมายคือเทศกาลเฉลิมฉลองฤดูร้อนในหมู่บ้านอันห่างไกลผู้คน ซึ่งเทศกาลเก่าแก่นี้จะจัดขึ้นทุกๆ 90 ปี เป็นเวลา 9 วัน ซึ่งใน 9 วันนี้พระอาทิตย์จะไม่ตกดิน.. แต่ยิ่งพวกเขาคลุกคลีอยู่กับเทศกาลที่เหมือนจะสดใสสวยงามนี้เท่าไร ก็ยิ่งค้นพบเรื่องราวสุดประหลาดชวนขนหัวลุกขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะถอนตัวก็สายไปเสียแล้ว
ชื่อภาพยนตร์: Midsommar / เทศกาลสยอง
ผู้กำกับภาพยนตร์: Ari Aster
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Ari Aster
นักแสดงนำ: Florence Pugh, Jack Reynor, Vilhelm Blomgren, William Jackson Harper, Will Poulter
แนว/ประเภท: Drama, Horror, Thriller, Mystery
เรท: USA/15, ไทย/
ความยาว: 147 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.00 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 15 สิงหาคม 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: B-Reel Films, Square Peg, A24
สรุปโดยรวม เทศกาลสยอง
Midsommar เป็นหนังที่เน้นงานศิลป์ มีนัยยะ สัญลักษณ์แฝงในทุกองค์ประกอบ เรียกว่าเป็นหนังที่ขายฉากงานศิลป์ในเรื่องมากกว่าอื่นใดทั้งหมด เพราะตัวบทหนังเอาจริงๆ เรียบง่ายมาก แทบไม่ได้มีอะไรหักมุม เซอร์ไพรซ์ใดๆ ทั้งสิ้น (ยกเว้นคุณจะคิดไปเองว่ามันมีอะไร) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าหนังทำตรงนี้ออกมาได้ดีจริงๆ ถึงขั้นเชื่อได้ว่ามีพิธีกรรมโบราณแบบนี้อยู่ในโลกปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับการบูชายัญให้แก่ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอย่างยาวนานในดินแดนแถบนี้นั่นเอง
แม้ตัวหนังจะราบเรียบเรื่อยๆ ไปจนจบ (มีพีคบางช่วงนิดหน่อย) แต่งานศิลป์ที่โดดเด่นในเรื่องนี้แหละที่เป็นตัวพาให้คนดูติดตามเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวตามตัวละครในเรื่องไปพร้อมกัน ซึ่งเอาอยู่ น่าติดตามดูฉากและพิธีกรรมต่างๆ ที่ค่อยๆ เปิดเผยออกมาในแบบหลุดโลก แต่ถ้ามองในมุมความจริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรที่จะมีพิธีกรรมโบราณทำเรื่องราวอะไรแบบนี้ แต่แค่เรื่องต้องเปิดใจยอมรับความแตกต่างของวัฒนธรรมเท่านั้น แถมยังมีแบ็คกราวด์รองรับความเชื่อเหล่านี้ใส่ไว้ในหนังได้อย่างน่าเชื่อถือทุกเรื่องราวว่ามีความเป็นมายังไง ดังนั้นนี่ไม่ใช่ความสยองขวัญตามที่หน้าหนังพยายามขายนัก แต่เป็นหนังที่แสดงความแตกต่างของวัฒนธรรมในโลกต่างหาก รีวิวหนังผี
สรุป
เป็นเรื่องราวที่เราเองคงไม่ได้คาดว่าจะเจอ บางฉากก็ทำให้เรารู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าควรจะยอมรับมั้ยว่านั่นมันเป็นวัฒนธรรมความเชื่อของพวกเรา เราเป็นแค่คนนอกที่เข้าไปพบเห็น ความแตกต่างกันมากทางด้านความคิดเรื่องชีวิตทำให้คนที่มาจากข้างนอกทำใจยอมรับได้ยาก ทว่า ช่วงเวลาถัดๆ มาของหนังก็ยิ่งพาให้รู้สึกว่าอยากหลีกหนีไปจากที่นั่นเสียเหลือเกินขณะที่บางฉากทำให้เหวอและกระอักกระอ่วน แต่บางฉากกลับทำให้ถึงกับเหวอ มีความฮาและความเหวอระคนกัน เป็นประสบการณ์อันแปลกใหม่ที่ไม่ได้เจอกันง่ายๆ
แต่มันต่างจาก ‘Hereditary’ ตรงที่เรื่องนั้นทำให้รู้สึกกลัว ระทึกและหลอน ขณะที่เรื่องนี้กลับทำให้รู้สึกประหลาดใจ อึ้ง เหวอ และบ้างก็ weirdหนังไม่ได้สยองอย่างที่เรตหนังหรือตัวอย่างพยายามให้คิดว่าเป็น และหนังก็ไม่ได้ดูยาก ซับซ้อนอะไร หนังเรียบง่าย แต่มีนัยยะแฝงผ่านงานศิลป์ไว้ให้สำหรับคนที่ชอบคิดตีความ
8/10