รีวิว The Revenant – ต้องรอด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการสำรวจป่าอเมริกาที่ไม่ถูกบันทึกลงแผนที่ นักสำรวจแห่งตำนาน ฮิวจ์ กลาส ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม และถูกเพื่อนร่วมทีม จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ ปล่อยทิ้งไว้ให้ตายเพียงลำพัง เขามีเพียงกำลังใจเป็นอาวุธในการต่อสู้ และต้องทนต่อสภาพแวดล้อมที่เหน็บหนาว เขาต้องหาทางเอาตัวรอดและแก้แค้นฟิตซ์เจอรัลด์
ผลออสการ์ปีที่ผ่านมานั้นผมว่าผมโอเคกับมันนะ คือหนังที่ได้ไปก็ถือว่าควรค่าแก่การได้รางวัล อย่าง Mad Max นี่ก็ถึงเครื่องมากในเรื่องการทุ่มทุนถ่ายทำ ทีมงานต้องใช้แรงกันหนักโคตรๆ จนรู้สึกว่าหนังคู่ควรกับรางวัลเกี่ยวกับงานสร้างภาพยนตร์ทุกสาขาเลย
ส่วนเรื่องนี้ก็เช่นกันครับ ผู้กำกับ Alejandro G. Iñárritu ทำได้อีกครั้งต่อจาก Birdman เช่นเดียวกับ Leonardo DiCaprio ที่สมควรได้รางวัลเสียที เพราะเรื่องนี้พี่แกก็ทุ่มเทมากมาย ชวนให้นึกถึง Tom Hanks ตอนเล่น Cast Away เลยล่ะครับ
และที่ลืมไม่ได้คืองานภาพ ซึ่งผู้กำกับภาพของเรื่องนี้อย่าง Emmanuel Lubezki ก็ได้ออสการ์ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ครับ สำหรับผลงานของเขาเมื่อ 2 ปีก่อนคือ Gravity และ Birdman ครับ ซึ่งเมื่อดูจากผลงานแล้ว ก็น่าให้พี่แกอยู่น่ะนะครับ สำหรับเรื่องนี้นี่ เอาแง่งาน Long Take ตอนเปิดเรื่องก็ได้ใจกันไปมากมายแล้วล่ะ
ไหนจะสารพัดภาพธรรมชาติที่แสนอลังการ จับมาครบทั้งมุมกว้างและมุมแคบ หลายฉากนี่พูดตรงๆ เลยว่าผม Pause ดูเลยนะ มันสวยจริง ได้อารมณ์จริง โดยเฉพาะช็อตจับภาพภูเขาทั้งลูก, แม่น้ำสายยาวๆ ฯลฯ เรื่องงานภาพของหนังเรื่องนี้มันเป็นอะไรที่จับใจจริงๆ ให้ตายเถอะ
รีวิว The Revenant – ต้องรอด
พล็อตหนังไม่ได้ซับซ้อน แต่มันสะท้อนความเป็นคนได้ดีครับ เล่าสั้นๆ ก็คือ ฮิวจ์ กลาส (Leonardo DiCaprio) ถูกทิ้่งให้ตายกลางป่าโดยจอห์น ฟิทซ์เจอรัลด์ (Tom Hardy) ทำให้ ฮิวจ์ ต้องหาทางเอาชีวิตรอดและทวงแค้นกับจอห์นให้จงได้
ผมชอบที่ตัวละครในเรื่องมันคือมนุษย์น่ะครับ มันไม่ได้มีตัวดีตัวร้ายแบบเต็มๆ นะ อย่างจอห์นที่จริงๆ เหมาะกับคำว่าตัวร้ายมาก แต่เอาเข้าจริงเขาไม่ได้จงคิดจงแค้นฮิวจ์ขนาดนั้น สิ่งที่เขาคิดถึงจริงๆ มีแค่ตัวเองครับ เขาอยากรอด เขาไม่อยากตาย เขาเลยพร้อมทำมันทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเอง นั่นเลยทำให้จอห์นไม่ใช่ผู้ร้ายสูตรสำเร็จ แต่เป็นเพียงมนุษย์ผู้คิดถึงตนเองก่อนอื่นใดเท่านั้น
Hardy รับบทจอห์นได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ตอนแรกได้ข่าวว่า Hardy จะไม่แสดงนะ เพราะตอนนั้นเขาได้รับการทาบทามให้รับบทนำใน Splinter Cell เขาเลยปฏิเสธบทนี้ไป โดยที่ยังไม่ได้อ่านบทภาพยนตร์เลยแม้แต่หน้าเดียว
ในที่สุด DiCaprio นี่แหละครับ ที่เอ่ยปากขอร้องให้ Hardy ช่วยลองอ่านบทดูสักหน่อย ถ้าอ่านแล้วไม่ถูกใจก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้อ่านสักหนก็พอ… และเมื่อ Hardy อ่านไปครึ่งเรื่อง เขาก็ตัดสินใจรับบทนี้ทันที และนั่นก็ทำให้เขาต้องบอกปัดบท “ริค แฟลค” ใน Suicide Squad ไปด้วยอีกบทหนึ่ง ดูหนัง
เนื้อเรื่อง
ตัว DiCaprio เองก็ได้รับการทาบทามให้ไปเล่น Steve Jobs ครับ แต่เขาก็ยังยึดมั่นที่จะรับบทนี้ ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ดีล่ะครับ เพราะบทนี้ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองเลยล่ะ เนื่องจากส่วนใหญ่การแสดงของเขาในเรื่องมันคือการแสดงออกมากกว่าการพูด เขาต้องแสดงความรู้สึกผ่านท่าทาง แววตา การกระทำ หรือกระทั่งการหายใจ ซึ่งก็ถือว่าเขาทำได้สำเร็จอย่างยิ่งทีเดียวครับ
Domhnall Gleeson นี่ก็ดังแบบเงียบๆ นะ มานึกๆ แล้วพบว่าเจอหน้าพี่แกในหนังดังๆ หรือหนังดีๆ บ่อยมาก ไม่ว่าจะ About Time, Ex Machina หรือ Star Wars: Episode VII โดยสำหรับเรื่องนี้บทเขาไม่เด่นครับ แต่พี่แกก็เล่นเต็มที่ตามที่โอกาสอำนวย เรียกว่าเป็นส่วนเสริมที่ดีครับ แต่ถ้าพูดถึงคนที่เด่นล่ะก็ DiCaprio กับ Hardy จะเด่นกว่าครับ
ตัวหนังนั้นถือว่าเข้มข้นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เข้มข้นทางเนื้อหา ทว่าเป็นความเข้มข้นของสถานการณ์ในเรื่อง เพราะฮิวจ์ก็ต้องเอาตัวรอดจากสารพัดอันตรายทั้งจากคน สัตว์ และธรรมชาติ แต่กระนั้นความเข้มข้นอันนี้ก็ไม่ได้นำเสนอออกมาในเชิงตื่นเต้นเร้าใจครับ อันที่จริงมันออกมาในโทนหดหู่และเย็นยะเยียบเอาเรื่องเลยล่ะ
นักแสดงนำ: Leonardo DiCaprio, Tom Hardy, Will Poulter, Domhnall Gleeson, Forrest Goodluck, Paul Anderson, Kristoffer Joner, Joshua Burge
การดำเนินเรื่อง
หลายสิ่งในหนังคือบทเรียนสอนชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ก็ไว้ใจได้ยากเหมือนสภาพอากาศน่ะครับ เราไม่รู้หรอกว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้องเมื่อไร กับมนุษย์เราก็เหมือนกัน มนุษยก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีความซับซ้อน และไม่ว่ามนุษย์จะทำสิ่งดีหรือไม่ดี มันก็จะมีเหตุผลที่เอื้อให้มนุษย์กระทำสิ่งนั้นๆ เสมอ
และประเด็นที่หนังแนวนี้ต้องมีเสมอคือการที่คนขาวรุกรานทำร้ายคนชาวพื้นเมือง ซ้ำยังคิดว่าคนพื้นเมืองเหล่านั้นเป็นพวกป่าเถื่อนเสียอีก แต่หากมาพิจารณาดีๆ จะพบว่าแนวคิดของคนพื้นเมืองที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” อย่างชนเผ่าอินเดียนแดงนั้น ส่วนมากจะเป็นแนวคิดที่เคารพธรรมชาติและชีวิต
ในขณะที่แนวคิดของผู้รุกรานส่วนใหญ่ มันก็มีแนวคิดที่ดีอยู่นะครับ แต่แนวคิดประเภทเคารพธรรมชาติ เคารพกันและกัน กลับไม่ค่อยถูกมองหรือถูกให้ความสำคัญสักเท่าไร… ใครชอบประเด็นนี้ แนะนำ Thunderheart ครับ เป็นหนังเก่าที่เอาประเด็นนี้มาเล่าได้เข้มข้นอีกเรื่อง
รีวิว The Revenant
หนังดีครับ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องบอกก่อนว่ามันกดดันนะ มันไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจ แต่มันกดดันและหดหู่ จนผมยังรู้สึกเลยว่าดูรอบเดียวพอ คงไม่ดูซ้ำอีก… อันนี้ผมก็ยังพยายามคิดอยู่นะว่าที่ผมบอกว่าดูรอบเดียวพอเนี่ย เพราะไม่อยากดูอีก…หรือเพราะรู้สึกอิ่ม รู้สึกพอแล้ว เลยดูแค่หนึ่งรอบ ไม่ต้องซ้ำ เพราะแค่นี้หลายๆ ฉาก หลายๆ เหตุในหนังมันก็ตราตรึงอยู่ในหัวผมแล้ว…ลึกๆ ผมว่าข้อหลังแฮะ ดูหนังออนไลน์

หนัง The Revenant หรือชื่อไทยว่า ต้องรอด ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงเรื่อง The Revenant เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด กำกับฯ และร่วมเขียนบทโดยผู้สร้างชื่อดังเจ้าของรางวัล Academy Award อเลฮังโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู (Birdman, Babel) กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการสำรวจป่าอเมริกาที่ไม่ถูกบันทึกลงแผนที่ นักสำรวจแห่งตำนาน ฮิวจ์ กลาส (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมและถูกเพื่อนร่วมทีม จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ (ทอม ฮาร์ดี้) ปล่อยทิ้งไว้ให้ตายเพียงลำพัง เขามีเพียงกำลังใจเป็นอาวุธในการต่อสู้ กลาสต้องทนต่อสภาพที่เหน็บหนาวอย่างรุนแรง เขาต้องหาทางรอดชีวิตและแก้แค้นฟิตซ์เจอรัลด์
หนังว่าด้วยเรื่องราวที่จากเหตุการณ์จริง เล่าเรื่องราวของการเดินทาง ของ ฮิวจ์ กลาส (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) เดินทางสำรวจในดินแดนที่ยังไม่ได้เคยสำรวจ รวมกับลูกชายและทีมคณะคนอื่นๆ ต่อมา กลาสโดนหมีกริซลี่ทำร้ายกลายเป็นตัวถ่วง จนโดนเพื่อนร่วมเดินทางคนหนึ่ง จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ (ทอม ฮาร์ดี้) ฆ่าลูกชายพร้อมกับฝังกลาสทั้งเป็น ทำให้กลาสเกิดความแค้นจนเป็นแรงผลักดันให้เขามีชีวิตอยู่ เพื่อตามล่าชายผู้ที่พรากสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
รีวิว ต้องรอด
ตัวบทหนัง ดำเนินเส้นเรื่องเดียวเลย คือ แค้น/ รอด/ ตามล่า ไม่มีพาร์ทจุดพลิกผัน หรือ หักมุม แน่นอนสิ่งที่จะช่วยพยุงตัวหนังที่เดินเรื่องเส้นเดียวให้ตลอดรอดฝั่งโดยคนดูไม่เบื่อหน่ายคือ ตัวนักแสดง ซึ่งแน่นอน นักแสดงเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง แสดงได้ดีทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ซึ่งเรื่องนี้จัดเต็มทำอย่าง นอกเหนือจากการแสดงทางสีหน้า แววตา การพูด สวมบทบาท ฮิวจ์ กลาส ได้แทบหมดจด นอกเหนือจากนั้น ยังไว้ผมยาว หนวดเครารุงรังกินเนื้อดิบ คลานไปคลานมาคลุกดินคลุกหิมะ
ไหนจะแก้ผ้ากลางหิมะที่อุณหภูมิต่ำสุดๆ และยังมีอีกคนที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ ทอม ฮาร์ดี้ ที่ถ่ายทอดการแสดงให้เห็น ถึงความอคติ ความร้ายกาจและ โหดเหี้ยม ของเขา สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องนี้ ไม่ใช่ แค่ กลาส คนเดียวที่ต้องรอด แต่เป็น ทาง ฟิตซ์เจอรัลด์ด้วย แค่ต่างกัน ต้องที่ กลาส ต้องรอดเพื่อมาล้างแค้น แต่ ฟิตซ์เจอรัลด์ ต้องรอดเพื่อชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ การกำกับภาพ ของ เอมมานูเอล ลูบิซกี้ ที่ถ่ายทำโดยใช้ แสง เงา จากธรรมชาติล้วนๆ ซึ่งทำออกมาได้บรรยากาศที่ดิบ สมจริง และสวยงาม ไปในตัว งานภาพ Long shot ทำให้เห็น ฮิวจ์ กลาส ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเอาตัวรอด ท่ามกลางธรรมชาติที่พร้อมจะ คร่าชีวิต กลาส ได้ทุกเมื่อ
โดยรวม The Revenant ทำออกมาได้ดีทุกองค์ประกอบ การถ่ายทำ มุมกล้อง ภาพ เสียง และการแสดง ไม่แปลกใจเลยที่หนังจะได้เข้าชิงสาขาต่างๆในเวทีออสการ์ มากที่สุดในปีนี้ ส่วน ลีโอนาร์โด ปีนี้ จะสมหวังกับดารานำชายยอดเยี่ยมหรือไม่ ผมไม่ขอฟันธง ให้คณะกรรมการออสการ์ตัดสินละกัน อิอิ ดูหนัง4k
เรื่องย่อ The Revenant
ย้อนไปไกลในสมัยที่คนขาวยังไม่ได้ยึดพื้นที่อเมริกาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าผู้มาใหม่ หรือผู้ที่จับจองอยู่แต่เดิม ต่างก็ยังต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออยู่รอดบนแผ่นดินแห่งนั้น คนขาวคือผู้มาใหม่ที่เฝ้าจับจองและตักตวงผลประโยชน์จากแผ่นดินใหม่ แต่ก็ใช่จะทำได้โดยง่ายเมื่อผู้จับจองเจ้าของเดิมก็ไล่ล่าพวกเขาอยู่เช่นกัน ความขัดแย้งที่มีเรื่อยมาทำให้โลกของพวกเขาไม่ง่าย และมีคนล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ จนกลุ่มของพวกเขาเล็กลงทุกที
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้นกับ ฮิวจ์ แกลส (Leonardo DiCaprio) เขาถูกหมีกรีสลีโจมตีจนบอบช้ำหนักปางตาย ในที่สุด เขาก็โดนเพื่อนร่วมทีมอย่าง จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ (Tom Hardy) ทิ้งไว้กลางป่า แถมยังฆ่าลูกชายตายไปต่อหน้าเสียอีก ไฟแค้นสุมอก แต่เขายังไม่ตาย…
ชื่อภาพยนตร์: The Revenant / เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด
ผู้กำกับภาพยนตร์: Alejandro González Iñárritu
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Mark L. Smith (screenplay), Alejandro González Iñárritu (screenplay) (as Alejandro G. Iñárritu)
นักแสดงนำ: Leonardo DiCaprio, Tom Hardy, Will Poulter, Domhnall Gleeson, Forrest Goodluck, Paul Anderson, Kristoffer Joner, Joshua Burge
ความยาว: 156 นาที
แนว/ประเภท: Adventure, Drama, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 4 กุมภาพันธ์ 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: New Regency Pictures, Anonymous Content, Appian Way ดูหนังออนไลน์4k
สรุปโดยรวม ต้องรอด
THE REVENANT กลายเป็นหนังที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีล่าสุดมากถึง 12 สาขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามแล้วถ้าหากแฟนคอหนังตัวจริงที่ได้ไปพิสูจน์ภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยสาขาตัวเองแล้วก็จะพบว่า หนังมีความโดดเด่นในแง่ของเทคนิคและ “วิธีการเล่า” เรื่องราวมากกว่าตัวบทภาพยนตร์ที่มีสาระสำคัญอยู่แค่เพียงการเอาตัวรอดและความต้องการแก้แค้นของตัวเอก
เนื้อเรื่องจริงๆของ THE REVENANT พูดถึงการอยู่รอด เมื่อนักสำรวจในตำนาน ฮิวจ์ กลาส (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ถูกหมีขย้ำขณะเดินทางในดินแดนรกร้างซึ่งยังไม่ได้รับการสำรวจ แถมเพื่อนร่วมทีมล่าสัตว์ก็ทิ้งเขาเอาไว้ กลาสซึ่งอยู่ตามลำพังในสภาพปางตายกลับปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ด้วยความมุ่งมั่นและความรักต่อภรรยาชนพื้นเมืองและลูกชาย เขาได้เริ่มต้นมหากาพย์การเดินทางไกล 200 ไมล์ผ่านดินแดนตะวันตกอันกว้างใหญ่และไร้การควบคุมไปตามเส้นทางของชายผู้ทรยศเขา จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ (ทอม ฮาร์ดี้)
ผู้กำกับของเรื่องอย่าง อเลฮานโดร จี อินาร์ริตู ที่เพิ่งจะได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Birdman เมื่อปีก่อนยังคงใช้ “เทคนิคทางภาพยนตร์” อย่างสนุกมือ ไม่ว่าจะเป็นความบ้าคลั่งด้วยการถ่ายทำฉากในช่วงเปิดเรื่องในสไตล์ลองเทค (Long Take) ด้วยวิธีการเคลื่อนกล้องแบบไม่ตัดภาพ นั่นหมายความว่าการต่อสู้อย่างโกลาหลระหว่างชนเผ่าพื้นเมืองและทีมสำรวจนั้น บรรดานักแสดงในเรื่องจะต้องเล่นกันให้ถูกต้องตามแผนที่ได้ซักซ้อมกันไว้อย่างไม่ผิดคิว เพราะถ้าผิดพลาดเพียงเล็กน้อยนั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องถ่ายทำกันใหม่นั่นเอง รีวิวหนังผี
สรุป
ด้วยสไตล์ที่โดดเด่น แต่เนื้อเรื่องที่บางเบา THE REVENANT จึงปรากฏแผลความยืดยาดของมันให้เราเห็นตลอดความยาวตลอดสองชั่วโมงครึ่ง หลายครั้งที่ตัวหนังก็ไม่ได้คืบหน้าไปไหนนอกจากจะโฟกัสให้เราเห็นแต่ทุกข์เวทนาของฮิวจ์ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลจากการโดนหมีขย้ำ แผลที่เริ่มติดเชื้อเริ่มเน่า การเอาตัวรอดจากน้ำตก ความเหน็บหนาวของหิมะ แต่ยิ่งตัวหนังพยายามโฟกัสให้เราเห็นถึงความเจ็บปวดของเขาหลายครั้งแค่ไหน คนดูก็จะยิ่งรู้สึก “เจ็บปวด” ร่วมไปกับตัวละครนี้น้อยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะฉากในช่วงไคลแมกซ์ที่ตัวละครเอาของมีคมฟันกันอย่างดุเดือดเลือดหยด แต่เรากลับไม่รู้สึกหวาดเสียวสักเท่าไหร่ เพราะเราเห็นความเจ็บปวดของตัวละครนี้มาตลอดเรื่องแล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่คนดูคงจะจดจำและคิดว่าคนส่วนมากก็คงจะเชียร์การแสดงของลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ที่ต้องตรากตรำเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันโหดร้าย การกระเสือกกระสนของเขาน่าจะเป็นการแสดงที่เข้าตาของออสการ์ แต่ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแล้วกลับมองว่าลีโอฯ อาจจะเล่นดีจริง แต่ความละเอียดและเข้าถึงบทนั้นนักแสดงอย่างไมเคิล ฟาสเบนเดอร์จากหนังเรื่อง STEVE JOBS ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมทำได้ดีกว่า
คะแนนความชอบ 8.5/10