คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1

คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1 เป็นภาพยนตร์แนว slasher ที่เขียนบท และ กำกับโดย Glen Morgan ซึ่งเป็นการรีเมคใหม่ของภาพยนตร์ชื่อเดียวกันใน ปี 1974 เป็นการผลิตร่วมกันของแคนาดา และ สหรัฐอเมริกาภาพยนตร์ อำนวยการสร้างโดย Morgan และ James Wong ผ่าน

บริษัทผู้ผลิต Hard Eight Pictures พร้อมด้วยโปรดักชั่น 2929, โปรดักชั่น Adelstein-Parouse และ Hoban Segal Productions ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองในซีรีส์ Black Christmas นำแสดงโดย Katie Cassidy, Michellerachtenberg, Mary Elizabeth Winstead, Oliver Hudson, Lacey Chabert, Kristen Cloke และ Andrea Martin ดูหนัง

รีวิวหนังเรื่อง คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1

คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1

 

เรื่องราวของฮีดเธอร์,เคลลี่,ดาน่า,แคร์,มีแกน,ลอเรน และแม่บ้านของพวกเธอที่อาศัยอยู่ในบ้านของบิลลี่ ฆาตกรต่อเนื่องผู้ที่เป็นโรคตับ ผิวเป็นสีเหลืองตั้งแต่เด็กพ่อแม่ไม่รักกันแม่ฆ่าสามีตัวเองตายเขาถูกแม่รังเกลียดและ ถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ รวมทั้งถูกขังในห้องใต้ดิน จากนั้นแม่ของเขาก็มีสามีใหม่ และ ให้กำเนิดลูกสาวที่ชื่อว่า แอกเนส ที่ได้รับความรักจากพ่อ ดูหนังออนไลน์

แม่ไม่เหมือนกับเขา เขาจึงหนีออกมาจากห้องใต้ดิน และ ฆ่าพ่อแม่ของเขาตายในวันคริสมาสต์ จากนั้นก็ถูกตำรวจจับเข้าคุก โดยพวกเธอได้จัดปาร์ตี้สังสรรค์กันในวันคริสมาสต์ และ พวกเธอก็หายไปทีละคน ซึ่งประจวบกับที่บิลลี่ได้หนีออกมาจากคุกพอดี แล้วพวกเธอหายไปไหนกันนะ ดูหนังออนไลน์ 4k

 

คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1

 

เปิดเรื่องด้วย การฉายเหยื่อที่ถูกฆาตกรรมในวันคริสมาสต์ ก่อนตัดเข้าเรื่องฉายถึงพัสดีที่เอาอาหารมาส่ง ให้นักโทษในคุก ในวันคริสมาสต์ และ ตัดมาฉายกลุ่มตัวละคร หลักที่กำลังจัดปาร์ตี้สังสรรค์ กันในวันคริสมาสต์ ซึ่งหนังดำเนินเรื่องโดยการตัดสลับกับ ฆาตกรก่อนที่จะหนีออกมาได้ และ ฉายเหยื่อที่ถูกฆ่าตายซึ่งฉากฆ่าโหด ดีเนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมากเป็นแนวไล่เชือด คนทั่วไปที่เน้นการไล่เชือดในวันคริสมาสต์ กับเหยื่อ ในบ้านฆาตกรเป็นหลักที่ไม่ได้แปลกใหม่เท่าไหร่ ดูหนัง 4k

 

คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1

 

 

จึงพอเดาเรื่องได้บ้างจากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวของฆาตกรด้วยการเล่าเรื่องผ่านตัวละคร ออกมาเป็นภาพเรื่องราวของฆาตกรในวัยเด็กจนโตก่อนที่ จะถูกจับขังบางช่วงจึงค่อนข้างน่าเบื่อไปบ้าง และ บางช่วงจะเน้นบรรยากาศมืด ๆ ที่ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละครบ้างซึ่งมีหักมุมในช่วงท้ายๆ เรื่องแบบคิดไม่ถึงเลยรวมทั้งการคาดเดาตัวละครที่ผิดไปบ้าง รีวิวหนัง

 

เมื่อมีนักฆ่าปรากฏ ตัวขึ้นในมหาวิทยาลัย แม้ว่าช่วงวันหยุดมหาวิทยาลัยฮอว์ธอร์นจะมีความเงียบสงบ แต่กลุ่มเพื่อนสาวชาวหอมูคัปป้าเอปซิลอนซึ่งประกอบด้วย ไรลีย์ สโตน (อิโมเจน พุทส์ จาก Green Room) มาร์ตี้ สาวนักกีฬา (ลิลี่ โดโนฮิว จาก Jane the Virgin) คริส สาวหัวรั้น (อเลส แซนนอน จาก Charmed) เจสซี่ สาวนักกิน (บริททานีย์ โอเกรดี้ จาก Star) ก็ยังคงอยู่ตกแต่งหอพักเตรียมรับปาร์ตี้ในช่วงคริสต์มาส ในช่วงเวลานั้น ก็มีคนโรคจิตที่ชอบแอบสะกดรอยตามเริ่มไล่ฆ่า

บทสรุป คริสต์มาสเชือดสยอง ภาค1

 

นักศึกษาสาวในสโมสรนักศึกษา ทีละคน เมื่อเริ่มมีคนเสียชีวิตมากขึ้น ไรลีย์ และ เพื่อน ๆ เริ่มสงสัยผู้ชายใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็น เนท แฟนหนุ่มของมาร์ตี้ (ไซม่อน มีด จาก Same But Different: A True New Zealand Love Story) แลนดอน หนุ่มที่มาชอบไรลีย์ (คาเล็บ อีเบอร์ฮาร์ดส์ จาก Mozart in the Jungle) หรือ ศาสตราจารย์ เกลสัน (แครี เอลเวส) ไม่ว่าใครจะเป็นคนฆ่า เขาควรจะรู้ว่าสาว ๆ กลุ่มนี้จะไม่ตกเป็นเหยื่อของเขาอย่างแน่นอน

เป็นเสียงของ เพื่อนร่วมโรงรายหนึ่งที่เดินออกมา ใกล้เคียงกัน จริง ๆ เขาก็พูดไม่ถูกนัก เพราะในความเป็นจริงหนังทั้ง 2 เรื่องไม่ใช่หนังแนว เดียวกันที่จะเทียบเคียงกันได้เลยแม้ว่า ดูจะจับกลุ่มวัยรุ่นปลาย ๆ ใกล้เคียงกัน และ ที่สำคัญ Black Christmasน่าจะจัดอยู่ในกลุ่มหนังที่ไม่ดู ชีวิตก็ไม่ได้ขาดอะไรไปสักอย่างเลย จึงไม่น่าเอาไปเทียบกับหนังอีกเรื่องไม่ว่าจะในแง่ใด

 

ส่วนตัวก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนหนังแต่อย่างใด เพราะหนังก็ทำหน้าที่ของมัน อย่างที่มันเป็น หากแต่ความคาดหวังเราเองที่อยากจะเจอ หนังพลังหญิงที่ลุกขึ้นมาสู้มาล้างแค้นอย่างถึงพริกถึงขิง แบบใกล้สุด ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่อง Ready Or Not

ที่ทำออกมาได้มีคลาสน่าสนใจเรื่องหนึ่ง หรือจะไม่เอาสไตล์แต่ถึงอารมณ์เข้มข้นอย่างพวกตระกูล I Spit on Your Grave ก็เป็นอีกทางที่ตลาดผู้ชมพึงใจ หรืออย่างน้อยสุดก็เอาให้ใกล้เคียงกับหนังชื่อเดียวกันเมื่อปี 1974 ที่เป็นแนวฆาตกรโรคจิตไล่

ฆ่าหญิงสาวก็ยังได้รสความน่ากลัวบ้าง ทว่าหนังเรื่องนี้ที่ดำเนินรอยตามพี่น้องร่วมตระกูลหนังที่เป็นตัวอย่างดี ๆ มามากมาย กลับแหวกแหกลงข้างทางไปอย่างไม่มีอะไรควรให้จดจำ เพราะหน้าหนังตัวอย่างแทบจะเล่าหมดทั้งเรื่องแล้ว แม้ว่าจะตัดตัวอย่างหลอกมาให้เข้าใจผิดในตัวตนของคนร้ายว่าไม่ใช่มนุษย์หรือเปล่า แต่จุดเฉลยสำคัญของหนังมันก็แทบจะไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรเลยนั่นล่ะ เมื่อแก่นปริศนาว่าคนร้ายคืออะไร และ ทำไปทำไมไม่ได้ว้าวเว่อ พาร์ตการลุกขึ้นสู้อย่างถึงลูกถึง

 

คนของผู้หญิงที่ถูกมองว่าอ่อนแอและถูกกระทำมาตลอดเรื่อง ด้วยการแก้แค้นแบบโหดเหี้ยมเลี่ยมทองของหนังก็ยิ่งลงเหวเข้าไปใหญ่ เพราะดูหนังเด็กช่างกลตีกันยังดูมันดูจริงเสียกว่าอีก คือหนังก็ไม่ได้เลวขนาดต้องลุกมาด่า แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้มานั่งชมหรือเชียร์เหมือนกัน

 

 

ส่วนดีที่พอจับต้องได้ของหนังคงเป็นเรื่อง พลอตที่ว่าด้วย การต่อสู้ระหว่างคติที่ผู้ชายเป็นใหญ่ กับแนวคิดสตรีเป็นใหญ่ ที่ห้ำหั่นกันเองมาตลอดประวัติศาสตร์ ยุคใหม่ของมนุษย์ เพราะหนังจับวิธีคิดว่าพอผู้หญิงเริ่มเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นสตรีอย่างรุนแรงกลับกลายเป็นว่าสังคมไม่ได้มาสู่ความเท่าเทียมกัน แต่กลายเป็นหญิงจะครอบงำสังคม ขึ้นมาแทนจากการเรียกร้องนั่นนี่ไป และเป็นหน้าที่ของผู้ชายผิวขาวผู้ยิ่งใหญ่ที่ต้องลุกมาจัดระเบียบให้ถูกต้องว่าผู้หญิงต้องพึ่งพาผู้ชายต่อไปนั่นล่ะดี

ที่สุด ฉากที่ดีที่สุดในวาระนี้ของหนังก็ดันไม่ใช่ฉากไคลแม็กซ์ ของหนังที่บอสฝั่งตัวร้ายต้องต่อปากต่อ คำกับเหล่านางเอกเสียอีก แต่กลับเป็นฉากในห้องเรียนตอนต้นของหนังที่อาจารย์วรรณกรรม ยกบทความยกยอผู้ชายให้ควรปกครองสังคมขึ้นมาโดยนางเอกไม่มีปากมีเสียงโต้เถียงนั่นเสียอีก

 

หนังดูมีเนื้อมีหนังใช่ไหม เมื่อว่ามาอย่างนี้ แต่พอเอาเข้าจริงด้วยลูกล่อลูกชนวิธีเล่า แบบหนังสยองขวัญ ของหนังที่เอาตรง ๆ ว่าไร้ลีลา มันก็ทำให้ประเด็นอะไรต่าง ๆ ที่ว่ามาถูกจุดแบบตื้น เขินจนเราไม่ได้อยากไป เสียเวลาคิดตามอะไร

อยากให้มันฆ่า ๆ เฉลย ๆ แล้วจบ ๆ ไปเสียมากกว่า สำหรับฉากสยองขวัญ ก็ทำแบบหนังเรต ท. กันไป ไม่มีได้เห็นฉากฆ่าโหด ๆ ใด ๆ ให้เห็นเลย ทั้งที่หน้าหนังส่อมาทางหนัง สยองเด็กโตค่อนทางผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ ฉากชวนลุ้นก็พอมีบ้างที่ดีมีอยู่ 2-3 ฉาก แต่พูดถึงมาตรฐาน หนังแนวนี้ เรื่องอื่นอาจมีเป็นสิบ ๆ ฉากแล้วไง เรื่องนี้ที่น่าจดจำดันมีแค่ 2 ฉากเนี่ยมันน้อยไปมาก