รีวิวหนังผี Blood Red Sky

รีวิวหนังผี Blood Red Sky

ดูเหมือนเดือนกรกฎาคมจะเป็นงานปล่อยของหนังสยองขวัญสำหรับเน็ตฟลิกซ์ไปเสียแล้วหลังพาหนังไตรภาคอย่าง ‘Fear Street’ หรือโปรแกรมยักษ์สำหรับแฟนหนังซอมบี้กิมจิอย่าง ‘Kingdom : Ashin of the North’ ที่ลงสตรีมมิงล่าสุดในวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ในขณะที่สปอตไลต์กำลังส่องไปยังโปรแกรมหนังซอมบี้สปินออฟอย่าง ‘Kingdom’ ในวันเดียวกันยังมีโปรแกรมหนังแวมไพร์แอ็กชันจากเยอรมันที่น่าสนใจไม่น้อยอย่าง ‘Blood Red Sky’ เรื่องนี้ที่เราขอเอามาแนะนำแฟนหนังสยองขวัญกันหนัก ๆ เลยทีเดียว รีวิวหนังผี Blood Red Sky รีวิวหนังผี

โดยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นาเดีย (แพรี บอไมสเตอ-Peri Baumeister) กำลังเดินทางจากเยอรมันไปนิวยอร์กเพื่อรักษาอาการกระหายเลือดหลังเธอถูกกัดและแพร่เชื้อแวมไพร์ กระนั้นเที่ยวบินของเธอก็กลายเป็นความโกลาหลเมื่อกลุ่มสลัดอากาศนำโดย เบิร์ก (โดมินิก เพอร์เซลล์-Dominic Purcell) ยึดเครื่องบินและจับผู้โดยสารเป็นตัวประกันหวังเรียกค่าไถ่จากทางการ นาเดียจำต้องปลุกอสูรที่หลับไหลในตัวเองเพื่อช่วยเหลือ เอเลียส (คาร์ล แอนทัน คอช – Carl Anton Koch) ลูกชายของเธอและผู้โดยสารคนอื่นให้ได้

สิ่งที่พอจะสังเกตได้ทันทีคือปีเตอร์ ธอร์วอร์ธ (Peter Thorwarth) ผู้กำกับและร่วมเขียนบทน่าจะได้แรงบันดาลใจจากหนังผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินปี 2005 ทั้ง ‘Flightplan’ และ ‘Red Eye’ ตรงที่หนังใช้ตัวเอกเป็นผู้หญิงและยังกำหนดโทนภาพตามสไตล์หนังสยองขวัญของผู้กำกับยุโรปคือมีความอมเขียวอมฟ้า (Teal Look) ดูลึกลับแอบซ่อนความเป็นอสุรกายเอาไว้แต่นอกนั้นคือการปรุงรสให้จัดจ้านและเอนเทอร์เทนคนดูชนิดเทกระจาดพริกแล้วราดน้ำปลาเลยทีเดียว

ตั้งแต่การเสิร์ฟฉากสยองขวัญโหด ๆ เลือดกระเซ็น ฉากปล้นเครื่องบินสุดระทึก ดรามาแม่ลูกชวนบีบหัวใจไปจนถึงความโหดแบบหนังฆาตกรโรคจิต รวมถึงแอ็กติงที่มีความหลากหลายมากตั้งแต่เล่นน้อยจนเกือบเป็นสากกะเบือของ โดมินิก เพอร์เซล ดรามาเข้มข้นลึกล้ำของแพรี บอไมสเตอ ไปจนถึงเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ของ อเลกซานเดอร์ ซเคียร์ (Alexander Scheer) ที่รับบทตัวร้ายโคตรโรคจิตที่ทำให้ผลลัพธ์ของหนังออกมาบันเทิงเกินคาดเลยทีเดียว เว็บดูหนัง

กระนั้นหนังก็ยังอุตส่าห์มีจุดให้ขัดใจรายทางอยู่บ้างทั้งความเป็นเจ้าหนูจำไมของ เอเลียส ที่แม้หน้าตาของ คาร์ล แอนทัน คอช จะทำให้บรรดาแม่ยกเอ็นดูแค่ไหนก็ตามแต่บทที่เจ้าหนูมันจะหาเรื่องให้แม่มันเดือดร้อนนี่ก็น่าโบกอยู่หลายทีไม่น้อยเลย รวมถึงการตัดสินใจของนางเองในบางช่วงก็ชวนอิหยังวะอยู่บ้างแต่ในภาพรวมหาคุณต้องการหาหนังบันเทิงสักเรื่องที่มีครบทั้งแวมไพร์ที่ใช้ตรรกะแบบซอมบี้ มีฉากปล้นเครื่องบินสุดระทึก มีัฆาตกรโรคจิต ครบเครื่องทั้งความโหดและความระทึกเชื่อว่า ‘Blood Red Sky’ ยังไงก็ตอบโจทย์ครับ

รีวิวหนังผี Blood Red Sky

เนื้อเรื่องประมานว่าสองแม่ลูกคู่นึงที่กำลังเดินทางไปอเมริกา แต่ดันเกิดเหตุการณ์การร้ายวางแผนจี้เครื่องบินเที่ยวซะก่อน แต่บังเอิญบนว่าคนเป็นแม่ไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป แต่คือแวมไพร์ที่ต้องฉีดยาเพื่อระงับความกระหายเลือดของตัวเองไว้ การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ก่อการร้ายและแวมไพร์ที่ต้องการเพียงปกป้องลูกจึงเริ่มขึ้น ทางเดียวที่เธอจะช่วยลูกชายให้รอดตายได้ก็คือ เธอต้องกลายเป็นแวมไพร์กระหายเลือด เว็บดูหนังฟรี

ไม่รู้ว่าที่บอกว่าสนุกหรือเป็นเพราะหัวร้อนกันแน่ ทั้งไอตัวโจรที่เหมือนจะเป็นโรคจิต กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่หาเรื่องได้ตลอด แต่โดยรวมแล้วดูเพลินดี มีช่วงเอื่อยๆ บ้างแต่ถือว่าพอรับได้ เป็นหนังแวมไพร์เนื้อเรื่องแปลกใหม่และน่าสนใจไม่น้อย เอาจริงๆ ก็ลุ้นตลอดเกือบทั้งเรื่อง หนังฟรี

หนังสัญชาติเยอรมันที่ถือว่ามีลูกเล่นและคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ เผลอๆ เพียงพอที่อาจจะขยายสร้างเป็นหนังหลายๆ ภาคเลยก็ได้ นี่ก็คือ “Blood Red Sky” (ฟ้าสีเลือด) หนังสยองขวัญบนเที่ยวบินสุดระทึก ที่แม้ว่าจะมากับสูตรสำเร็จที่ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นตื่นใจอะไรสักเท่าไหร่ แต่กลับให้ผลลัพธ์ออกมาได้ค่อนข้างดีกว่าที่คาดเอาไว้พอสมควรเลยนะ

Blood Red Sky เล่าเรื่องราวของ นาเดีย กับ เอลิอัส แม่ลูกที่กำลังตัดสินใจออกเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เนื่องจากว่าเธอป่วยเป็นโรคสุดประหลาดที่ต้องหาวิธีเข้ารับการรักษาและยั้งยับอาการไม่ใช่ลุกลาม แต่ระหว่างที่ทั้งคู่โดยสารอยู่บนเครื่องบินที่เพิ่งทะยานออกจากสนามบินไปได้ไม่นาน ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้พยายามจี้เครื่องบิน และเตรียมหันหัวเครื่องมุ่งตรงไปที่ใจกลางกรุงลอนดอน เพื่อก่อเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ หนังใหม่

แต่สถานการณ์บนเครื่องบินไม่ได้เข้าข้างกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่อย่างใด เมื่อพวกเขาได้ก่อเหตุผิดพลาดอย่างมหันต์ ทำให้หญิงที่เต็มด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ได้ตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเธอออกมา เพื่อที่จะปกป้องลูกชายในรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ระทึกเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกเกือบ 4 หมื่นฟุต ที่โอกาสรอดเหลือน้อยนิดตามเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ

ตามที่บอกว่านี่คือหนังจากเยอรมันที่มีทีมผู้สร้างและนักแสดงท้องถิ่นที่เราไม่ได้คุ้นเคย ผลงานของผู้กำกับ “ปีเตอร์ ธอร์วอร์ธ” ที่รับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังกับ “สเตฟาน โฮลซ์” โดยที่ภาพรวมในส่วนคอนเซ็ปต์ของหนังทำออกมาได้ค่อนข้างพอใช้ได้ แม้ว่าจะหาอะไรที่แปลกใหม่ไม่ได้เลยก็ตาม เพราะหนังใช้สูตรสำเร็จเดิมๆ ที่เคยมีมาจากหนังแอคชั่นสยองขวัญแนวนี้มายำรวมอยู่ทั้งหมดแล้ว

การที่หนังพยายามหอบเอาปมนั้นและประเด็นนี้มากองๆ ไว้เต็มไปหมด กลายเป็นความเยิ่นเย้อและขาดความกระชับในตัวหนังอยู่ไม่เบา หนังมีทั้งประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ปมภูมิหลังของพฤติกรรมลึกลับ และไหนจะยังใส่การก่อการร้ายเข้ามาอีก ทำให้หนังไม่อาจที่จะนำเสนอและเล่าเรื่องได้อย่างน่าตื่นตาเพียงพอ ทำได้แค่เพียงไล่เรียงเรื่องต่างๆ ไปตามลำดับขึ้นแบบไม่ค่อยมีชั้นเชิงเรียกความน่าสนใจเท่าไหร่

แต่ก็ต้องยอมรับว่า หนังสามารถขับเสน่ห์ตัวละครหลักๆ ของเรื่องออกมาได้ดี หลายตัวละครดูมีชีวิตชีวาและมีมิติอย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น “เปรี่ เบาไมสเตอร์” ที่รับบทบาทค่อนข้างหนักในเรื่องนี้ แต่เธอก็แบกรับมันเอาไว้ได้ดี และการแสดงของเธอก็ถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะกับซีนอารมณ์ต่างๆ ที่ทำได้ค่อนข้างใช้ได้อยู่ ดูหนังฟรี

ขณะที่ตัวละครที่รับบทโดย “อเล็กซานเดอร์ เชียร์” กลายเป็นวายร้ายที่น่าสนใจดี เป็นผู้ก่อการร้ายที่บทที่ชั้นเชิงดีกว่าตัวอื่นๆ มีลูกเล่นมากมายให้เขาได้เล่น และเขาก็ถ่ายทอดมันออกมาได้ดี แม้ว่าจะยังขาดเหตุผลในบทหนังอยู่มากก็ตาม แต่จัดได้ว่าเขากลายเป็นตัวขโมยซีนในสายตาคนดู ไปตั้งแต่ฉากแรกที่ปรากฏตัว

แน่นอนว่า Blood Red Sky ได้ใช้สูตรสำเร็จของหนังแนวนี้แบบเดิมๆ แต่ถึงแม้จะไม่แปลกใหม่ หนังก็ทำออกมาได้สนุกอยู่ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะช่วง 30 นาทีสุดท้ายของเรื่องนี้ ถือว่าเป็นความเข้นข้นที่ค่อยๆ ขยายอารมณ์คนดูได้ถึงแก่น แม้ว่าความคลีเซ่จะลอยฟุ้งกระจายอยู่เต็มไปหมด และขาดความสมเหตุสมผลในท้องเรื่องอยู่บ้าง แต่บทสรุปของหนังเรื่องนี้นั้นต้องถือว่าทำออกมาได้ดี

โดยสรุปแล้ว ฟ้าสีเลือด ก็ไม่ใช่แค่หนังผีแวมไพร์บนเครื่องบินธรรมดาๆ ทั่วไป หนังยังมีแก่นเรื่องที่ถูกใส่เอาไว้มากกว่านั้น ตามเวลาของหนังที่ยาวนานถึง 2 ชั่วโมงเศษๆ ข้อดีในสูตรสำเร็จของหนังก็คือทำให้คนดูได้กระจ่างในหลายๆ ปม หนังพาย้อนไปสำรวจตัวละครในเชิงลึกได้ค่อนข้างดีและไม่ปล่อยให้ผู้ชมรู้สึกคาใจ ถือว่าเก็บรายละเอียดในด้านเนื้อหาได้ค่อนข้างครบถ้วน ดูหนังออนไลน์

Blood Red Sky จึงจัดได้ว่าเป็นหนังที่สนุกกว่าคิดเอาไว้เล็กน้อย เพราะไม่คาดคิดว่าโปรดักชั่นหนังของฝั่งเยอรมันจะทำออกมามีชั้นเชิงได้ในระดับที่น่าพอใจเช่นนี้ นี่จึงเป็นจุดการพัฒนาเล็กๆ ของวงการฝั่งยุโรป สเกลของหนังก็เกือบจะเทียบเท่ากับหนังฝั่งฮอลลิวูดแล้ว แค่ยังมีช่องโหว่และความซ้ำซากปะปนอยู่เล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว…หนังเรื่องนี้ก็สนุกดี

และที่ต้องชมมากคือหนังสยองขวัญเรื่องนี้ไม่มีตัวละครอ่อนเหตุผลหรือไร้ประโยชน์กับเรื่องเลย ทุกตัวละครที่วางมามีเหตุมีผลกับเรื่องทั้งหมด เด็กในเรื่องก็เป็นตัวเอกที่ไม่ได้เป็นภาระของเรื่อง เป็นตัวเอกจริงๆ ที่มีบทบาทในการแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่เลือกยึดติดช่วยแม่มากกว่าอย่างอื่น (ตรงข้ามกับแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกไม่สนใจคนอื่นเช่นกัน) โดยมีคนอิสลามมาเป็นตัวเอกอีกคนที่สำคัญกับเรื่องในแง่ภาพลักษณ์ติดลบที่ถูกมองว่าโจรก่อการร้ายมักเป็นอิสลามไว้ก่อน

โจรเองก็มีตัวร้ายโรคจิตที่ฉลาดสูสีต่อกรกับนางเอกได้ ตัวละครผู้โดยสารในช่วงวิกฤตอย่างนักศึกษาการบินที่มาขับเครื่องบินแทน ก็มีเหตุผลที่มาที่ไปว่าไม่ใช่บังเอิญมาอยู่บนเครื่องได้แบบที่หนังเรื่องอื่นมักชอบใช้กัน แม้แต่ตัวละครแนวสติแตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังมีผลสำคัญกับเรื่องโดยไม่ได้ทำให้รู้สึกน่ารำคาญแม้แต่น้อย

รีวิวหนังผี Blood Red Sky

สิ่งที่แวมไพร์ในเรื่องนี้เหมือนซอมบี้ก็คือการติดเชื้อในแบบเดียวกัน แค่โดนกัด หรือแค่รอยแผลถากๆ ก็สามารถติดเชื้อกลายเป็นแวมไพร์ได้ในทันที ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าแนวหนังซอมบี้มันมีอิทธิพลมากในปัจจุบัน การที่ปรับให้แวมไพร์ติดเชื้อกันทันทีแบบนี้มันดูลุ้นระทึกกว่า และยังมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวกึ่งๆ ซอมบี้ก็ยังได้

แถมยังน่ากลัวกว่าด้วยที่แวมไพร์รวดเร็วว่องไว แข็งแกร่งกว่าซอมบี้มาก แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้นางเอกดูเป็นอมตะไล่ฆ่าพวกโจรได้ง่ายๆ โดยใส่จุดอ่อนเรื่องการใช้เลือดเพิ่มพลังเอาไว้ว่าต้องหาเลือดกินเป็นระยะๆ ถ้าบาดเ จ็บก็อ่อนแ รงลงทันที ต้องหาเลือดมากินใ หม่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงตัวนางเอกก็ต้องมียาช่วยคุมสติหรือปรับสภาพในขณะที่เป็นแวมไพร์ด้วย (ยา Cytarabine ไว้รักษามะเร็งฉับพลัน) ไม่งั้นก็จะกลายเป็นแวมไพร์สมบู รณ์แบบที่ไล่ฆ่าคนไม่เลือก

จำลูกตัวเองไม่ได้ กลายเป็นหายนะยิ่งกว่าโจรเข้าไปอีก และตัวเรื่องก็ยังเอาการติดเชื้อตรงนี้ไปใส่ไว้กับพวกโจรด้วย ทำให้ช่วงหลังของเรื่องเป็นการปะทะกันของแวมไพร์ที่พึ่งกลายร่างสดๆ มาไล่ฆ่านางเอกกับลูก และก็มีเป็นฝูงในตอนท้ายเรื่องที่ใกล้เคียงแนวหนังซอมบี้มากขึ้นไปอีก โดยหนังใช้ทุกส่วนของเครื่องบินทั้งลำเป็นฉากสยองขวัญในที่จำกัดได้อย่างคุ้มค่ามาก

จุดด้อยของเรื่องก็อาจจะเป็นที่เรื่องเลือกเอาตอนใกล้จบเครื่องลงจอดแล้วมาเป็นจุดเริ่มเรื่อง ซึ่งในแง่การเล่าเรื่องย้อนกลับมันก็ทำให้ผู้ชมได้เห็นจุดระทึกสุดท้ายนำมาก่อนแล้วค่อยย้อนไปดูต้นเหตุ อาจจะมองว่าดีก็ได้ แต่มองว่าไม่ดีก็ได้เช่นกัน เพราะเมื่อเรื่องเลือกเปิดเผยเลยว่าใครคือคนรอดตายตอนท้ายตั้งแต่แรก ทำให้ระหว่างทางไม่มีลุ้นกับการตายของตัวละครหลักไปทันที

อีกจุดก็คือเมื่อตัวเรื่องเลือกเป็นแนวสยองขวัญผสมดราม่าแม่ลูก ในซีนดราม่าที่แม่ต้องแสดงอารมณ์ผ่านการแมคอัพหน้าตาเป็นแวมไพร์มันเลยดูอินยากกว่าปกติ เพราะแวมไพร์ในเรื่องก็ออกแนวสัตว์ประหลาดไปเลย คือหัวโล้น หูแหลม มีเขี้ยวงอก ไม่ใช่แวมไพร์แบบหน้าตาเหมือนมนุษย์แบบที่หลายเรื่องใช้กัน แต่ไม่ใช่ดาราแสดงไม่ดี (นักแสดงที่รับบทชื่อ Peri Baumeister )

แต่มันไม่สามารถที่จะทำได้แบบนั้นนอกจากใช้ท่าทางการแสดงออกเป็นหลัก ไม่ค่อยพูดด้วยเพราะกลายร่างแล้วขาดสติบ่อย ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าตัวเรื่องกับนักแสดงพยายามมากที่สุดแล้ว แต่ดีที่นักแสดงเด็กส่งอารมณ์กลับมาได้ดี ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้อยู่ (ในเรื่องลูกรู้อยู่แล้วว่าแม่เป็นแวมไพร์และก็พยายามหาทางช่วยกับบอกคนอื่นเพื่อปกป้องแม่)

นี่เป็นหนัง Original Netflix ที่พล็อตเรื่องที่เจ๋ง และใช้ทั้งงบและพื้นที่จำกัดได้อย่างคุ้มค่ามากจริงๆ จนน่าจะช่วยลบคำสบประมาทว่าหนัง Netflix ทำเองมักห่วยลงได้เรื่องหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งจริงๆ ผู้เขียนคิดว่าเน็ตฟลิกทำหนังทุนน้อยได้ตามระดับของมันมากกว่าดีบ้างแย่บ้างปนกัน เฉลี่ยจริงๆ ก็พอกับหนังโรงที่ผิดหวังก็เยอะ แต่อาจจะไม่ได้เข้าไทยให้ดูกันเท่านั้น (มาลงเน็ตฟลิกซ์ก็หลายเรื่อง) แต่เรื่องนี้ทุนน้อยกลับทำได้มากเกินคาดจนดูเป็นหนังลงโรงขายทั่วโลกเลยก็ยังได้ครับ ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรับชมมากครับ