รีวิวหนัง the conjuring

เรื่องจริงคนเรียกผี The conjuring เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งชื่อว่า Harrisville ใน Rhode Island อเมริกา เรื่องจริงจากคดีของสองสามีภรรยา เอ็ด และลอเรน วอเรน นักสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่มักถูกเชิญไปปราบผี หรือเวลาที่ไหนเกิดเหตุการณ์ของผีหลอกวิญญาณหลอน ซึ่งทั้งคู่ถูกเชิญไปโดยครอบครัวหนึ่งที่เพิ่งไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วเผชิญกับอำนาจลึกลับดำมืด ตัวอย่างหนังยังไม่บอกเนื้อเรื่องเต็มๆ แต่เล่นเฉพาะฉากที่แม่ของครอบครัวนี้ที่รับบทโดยลิลลี่ เทย์เลอร์ ถูกหลอกหลอนอย่างชวนให้สะดุ้งโหยง รีวิวหนัง the conjuring รีวิวหนังผี

สำหรับตัวเนื้อเรื่อง ก็คงเหมือนเรื่องผีปกติทั่วๆไป ย้ายเข้ามาบ้านใหม่ เจอสิ่งประหลาด แล้วก็มีฉากหลอนๆเปิดมา แต่สำหรับ Conjuring มันมีเยอะกว่านั้น

Conjuring ไม่ได้เน้นภาพสยดสยอง ความน่ากลัวของผี หรือเลือดสาดอะไรประมาณนั้น แต่จะใช้บรรยากาศในตัวหนังเพื่อทำให้คนดูหลอนไปตามเรื่องเอง คือตัวผีนี่แทบจะไม่ได้เห็นเลยในเรื่อง แต่จะคอยโผล่มาแบบวับๆแวมๆ เต็มไปด้วยฉากที่ทำให้เราลุ้นตามจนนั่งไม่ติดเบาะ ช่วงที่หลอนๆหน่อยนี่แทบไม่ได้พักหัวใจเลย  ดูหนัง

จุดเด่นคือเป็นหนังที่ไม่ได้หลอนเพราะผีเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความคาดเดาไม่ได้หลายๆอย่าง บรรยากาศ เสียง และอารมณ์คนดูเองในตอนนั้น ทุกอย่างมันชวนกดดันให้หลอนไปหมด เหมือนเราไปอยู่ในหนังซะเอง ความลงตัวมันอยู่ที่ว่า ตัวเนื้อเรื่องเองก็ค่อยๆเข้มข้นขึ้นไปด้วย ยิ่งทำให้ความหลอนทวีคูณในช่วงท้ายเรื่อง

เป็นหนังฝีฝรั่งเรื่องแรกที่ดูแล้วค่อนข้างอิน โดยปกติจะไม่กลัวผี และชอบดูหนังผีมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่ค่อยรู้สึกอินเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ทำให้หลังจากที่ดูคืนแรกแล้วไม่อยากปิดไฟนอน

เนื้อเรื่องดำเนินเรื่อยๆ แต่ให้ความตื่นเต้น ต้องลุ้นตลอดเวลาว่าผีจะออกมาตอนไหน เรื่องเริ่มจากครอบครัวหนึ่งที่ต้องย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากผู้คน แต่มีเรื่องประหลาดๆ ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องขนหัวลุก ทั้งนาฬิกาหยุดเองตอนเวลาตีสาม นกที่บินมาชนบ้านทุกๆวัน และวิญญาณที่อยู่ในบ้านมากมาย จนทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัววอเรนซึ่งเป็นคนปราบผี ดูหนังออนไลน์

ฉากที่ผีออกมาทำได้น่าตื่นเต้น ทั้งเอฟเฟกด้านเสียง และภาพ ที่ไม่ได้ออกมาแบบโจ่งแจ้ง แต่ออกมาแบบวับๆแวมๆ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและลุ้นอยู่ตลอดเวลา

เรื่องย่อ Conjuring 3: เรื่องราวอันน่าสลดใจในความหวาดกลัว การฆาตกรรม และความชั่วร้ายที่พวกเขายังไม่เคยรู้จัก ที่จะสร้างประสบการณ์หวาดผวาให้กับ เอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรน ในการสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ หนึ่งในกรณีการเจอผีที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดของครอบครัววอร์เรน เมื่อจำเลยเด็กในคดีฆาตกรรมให้การว่าเขาถูกปีศาจเข้าสิงและทำไปโดยไม่รู้ตัว

หนังภาคที่ 3 นี้เป็นการย้ายมือจากผู้กำกับเดิมอย่าง เจมส์ วาน (James Wan) ที่ผันตัวไปเป็นโปรดิวเซอร์และมอบบังเหียนให้แก่ ไมเคิล ชาเวซ (Michael Chaves) ดาวรุ่งที่มีผลงานสยองขวัญก่อนหน้าอย่าง ‘The Curse of La Llorona’ (2019) ซึ่งวานก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้ เรียกว่าเขาเป็นเด็กปั้นของวานเต็มตัวคนหนึ่งก็ว่าได้ และวานคงมองเห็นบางอย่างในตัวชาเวซถึงกล้ามอบภารกิจปิดไตรภาคแฟรนไชส์ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของเขาเองให้ชาเวซสานต่อ ดูหนังฟรี

สิ่งที่อาจพูดได้ว่าชาเวซได้รับมาจากวานนั้นเป็นมากกว่าแค่โอกาสธรรมดา เพราะมรดกที่วานทำไว้ใน ‘The Conjuring’ ทั้งสองภาคก่อนหน้า ได้วางรากฐานพัฒนาการของคู่สามีภรรยาวอร์เรนมาอย่างดี เรารู้ความคิดจิตใจและความสัมพันธ์ระหว่างสองสามีภรรยาวอร์เรนมาดีมาก ผู้ชมพร้อมที่จะรักตัวละครนำทั้งคู่ตั้งแต่ก่อนดูหนังแล้ว ทำให้สามารถไปเน้นเรื่องราวความน่ากลัวที่ต้องเผชิญได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าเบาภาระของชาเวซไปไม่น้อย

แต่ดูเหมือนว่าชาเวซเองก็ติดกับดักของการแบกรับงานสำคัญอยู่ดี ทำให้เขาพยายามเติมนู่นนี่นั่นให้สมหน้าที่ผู้สานต่อมากเกินไป ถ้าให้นิยามคือเขาติดกับดักความเป็นหนังภาคที่ 3 ที่ต้องยิ่งใหญ่ที่สุดในไตรภาคไปอย่างน่าเสียดาย

เมื่อมิติตัวละครนั่นหาที่สอดแทรกใหม่ ๆ ยากแล้ว ในภาคนี้ตัวเอ็ดจึงต้องประสบปัญหาโรคหัวใจเข้ามาเป็นอุปสรรคแทน เพราะเมื่อเอ็ดไม่สามารถดูแลลอร์เรนได้เต็มที่ ปีศาจร้ายก็เล่นงานภรรยาผู้มีสัมผัสพิเศษของเขาได้ง่ายขึ้น ในแง่หนึ่งก็เป็นการสร้างสถานการณ์บีบคั้นที่ดีเหมือนกัน เว็บดูหนัง

รีวิวหนัง the conjuring

แต่ที่ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปจากแฟรนไชส์เดิมค่อนข้างมาก น่าจะเป็นการเลือกศัตรูตัวใหม่ที่เป็นรูปลักษณ์ของผู้บูชาซาตาน และการอิงคดีฆาตกรรมที่โด่งดังมาก ๆ ในประวัติศาสตร์เรื่องเหนือธรรมชาติอเมริกาอย่าง ‘The Devil Made Me Do It’ มาเป็นตัวโฆษณาหลัก แต่พอเอาเข้าจริงก็ให้ความสำคัญและการใช้แง่มุมดราม่าในคดีนี้ไม่หนักแน่นพอ แถมช่วงกลางเรื่องจนท้ายเรื่องยังเสียทรงเทน้ำหนักไปเรื่องอื่น ๆ แทนเสียอีก ทำให้หนังแปรรูปจากหนังผีชวนขนหัวลุกแบบ ‘The Exorcist’ (1973) ไปเป็นหนังแบบหมอผีสู้ด้วยคุณไสยกันแทน ซึ่งคงผิดใจแฟนเดิมอยู่ไม่น้อย

และจะว่าไปในมุมของคนดูหนังที่โตมาแบบวัฒนธรรมไทย เรื่องพวกนี้มันดูธรรมดาเจนตาไปหน่อย แต่คงน่าตื่นเต้นสำหรับฝั่งตะวันตกหรือเปล่าอันนี้ก็ตอบยาก ผู้สร้างถึงได้เลือกเส้นเรื่องแบบนี้มาเล่า แต่สิ่งที่เสียหายไปแน่นอนคือ ความชั่วร้ายที่นำเสนอเป็นคนที่มีชีวิตชัดเจน หรือโผล่มาเป็นสัตว์ประหลาดไปเลยแบบในเรื่องนี้ มันขาดความน่ากลัวอย่างที่เคยเจอผีแม่ชีหรือผีแอนนาเบลลงไปเยอะทีเดียว เว็บดูหนังฟรี

ความเปลี่ยนแปลงในการเล่าเรื่องนี้วิสัยทัศน์ของชาเวซอาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและน่าจะส่งผลเช่นกันก็คือ การหายไปของมือเขียนบทอย่าง แชด และ แครีย์ ดับบริว. ฮาเยซ (Chad และ Carey W. Hayes) ในภาคก่อน ๆ เหลือเพียง เดวิด เลสลีย์ จอห์นสัน (David Leslie Johnson) เพียงคนเดียว แม้จอห์นสันจะเคยร่วมเขียนบทในภาค 2 และมีผลงานหนังใหญ่อย่าง ‘Aquaman’ (2018) แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าแง่มุมเด่นของการต่อสู้เพื่อครอบครัวในภาคนี้ดูถูกกระจายความสำคัญไปที่ปีศาจตัวหลักมากไปหน่อย

ในภาคนี้ดีไซน์ความสยองผ่านความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เปราะบางแบบฉลาด ๆ และสร้างสรรค์อย่างในภาคก่อน ยังถูกเติมเต็มด้วยความตื่นเต้นและรูปแบบการพึ่งพาซีจีที่มากเกินไป ทั้งฉากที่ต่อสู้มาถึงหน้าผา หรือในห้องเก็บศพ แม้ดูจะมีฉากใหญ่ ๆ ให้เล่นบ้าง แต่ยังไม่ต่อเนื่องมีการเว้นพักอารมณ์นานเกินไป และภาพรวมก็ต้องยอมรับว่าหนังไม่ได้ดูโดดเด่นแตกต่างกับหนังเรื่องอื่น ๆ นัก จะมีที่ดูตื่นตาเป็นเอกลักษณ์ได้หน่อยก็มีไม่กี่ฉาก เช่น ฉากที่ป่าเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน หรือฉากที่ลอร์เรนวิ่งหนีพร้อมดอปเพลแกงเกอร์ของตนเองที่ใช้เทคนิคเอานักแสดงแทนมาประกอบฉากได้อย่างสร้างสรรค์

รีวิวหนัง the conjuring

และไม่ใช่ว่าหนังไม่ดีไปหมดหรือล้มเหลว เอาเข้าจริงคุณภาพของโปรดักชันและการเล่าเรื่องยังมีกลิ่นอายและระดับที่ดีอย่างผลงานของวานอยู่ไม่น้อย ทั้งการใช้การโคลสอัปความมืด หรือการทำหนังย้อนยุคให้เนียนตา เพียงแต่โครงเรื่องเองเป็นปัญหาที่เอาโปรดักชันไปกลบก็ยังเห็นอยู่ดี อีกประการที่สำคัญคือ หนังถูกส่งตรงเข้าจอทีวีและมือถือแทนที่จะเป็นโรงหนังผ่านแพลตฟอร์มของ HBO GO ในบ้านเรา พลังของผีในหนังก็ต้องลดลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย แถมจังหวะว่าภาค 3 นี้ ผีในหนังก็ออกแนวปีศาจมากกว่าผีหรือวิญญาณที่บ้านเราจะกลัวได้มากกว่าอยู่แล้วด้วย

หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าที่จริงแล้วผู้กำกับ หนังผี The Conjuring คนเรียกผี คือคนเดียวกับที่กำกับหนังสยองขวัญชื่อดังอย่าง “Saw” ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและเลือดสาดไหลนองไปทั่ว

แต่หลังจากที่เขาได้หันมาเอาดีในด้านภาพยนตร์สยองขวัญ ปรากฎว่าผลงานที่ออกมานั้นเข้าขั้นยอดเยี่ยม จนถึงขนาดที่ได้ทำการจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการหนังผีกันเลยทีเดียว ส่วนหนังผี The Conjuring คนเรียกผีจะน่าดูแค่ไหนนั้น ลองมาฟังข้อมูลที่น่าสนใจจากบทความชิ้นนี้กันได้เลย…

The Conjuring คนเรียกผี เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่เริ่มถูกบางสิ่งเหนือธรรมชาติเข้ามาคุกคามหลังจากที่ได้ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านไร่ พวกเขาพยายามขอความช่วยเหลือทุกวิถีทางจนกระทั่งสองนักสืบเรื่องราวอาถรรพ์ “เอ็ดและลอเรน วอร์เรนท์” ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหนือในการต่อกรกับพลังอำนาจที่มองไม่เห็น

รีวิวหนัง the conjuring

แน่นอนว่าหนังผี The Conjuring คนเรียกผีเป็นหนังที่น่ากลัว แต่มันแตกต่างจากหนังผีทั่วไปอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วหนังผีจะมีจุดด้อยในช่วงตรงกลางของเรื่องราว มักจะเปิดเรื่องอย่างน่าติดตามและจบท้ายด้วยตอนจบที่เร่งเร้าอารมณ์ ทำให้ปล่อยตรงกลางเรื่องเอาไว้อย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม หนังผี The Conjuring คนเรียกผี ไม่ป ล่อยให้ช่วงกลางของเรื่องเสียเปล่า เขายังคงสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องด้วยอารมณ์ขัน การเว้นจังหวะให้ผู้ชมหายใจก่อนที่จะเร่งเร้าอารมณ์เข้าไปอีก ทำให้กลายมาเป็นหนังที่เต็ม ไปด้วยความสดใหม่แ ห่งความสยองขวัญ

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าส นใจคือ หนังผี The Conj uring คนเรียกผี ไม่ได้มีการเ ปิดเผยรายละเอียดและรูปลักษณ์ของปีศาจที่มากจนเกินไป แล้วปล่อยให้ “จินตนาการ” ของผู้ชม เป็นตัวกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็น ความหวาดกลัวให้มากยิ่ง แน่ นอนว่าสิ่งนี้สร้างความน่าตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ในเรื่องของส่วนด้อยหนังผี The Conjuring นเรียกผี ยังคงยึดติดอยู่กับสูตรสำเร็จของหนังผีที่สามารถพบได้ทั่วไป เช่น เสียงประตูดังเอี๊ยดอ๊าด ตุ๊กตาที่น่าขนลุก เด็กที่น่าขนลุก ประตูปิดเอง วัตถุบินข้ามห้อ งไปม าด้วยตัวเอง ไฟติด ๆ ดับ ๆ เสียงกระซิบข้างหู ปีศาจและตัวละครที่ตัดสินใจอย่างโง่เขลา ดังนั้น สำหรับคนที่เคยดูหนังผีในยุคคลาสสิคมามากพอจะเห็นได้ว่าฉากเหล่านี้ ไม่ได้เป็นอ ะไรที่สดใหม่นัก