รีวิว นางนาก

รีวิว นางนาก

ดูหนังเถื่อน จุลศักราช 1230 ปีมะโรงสัมฤทธิศก ปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งนั้นเกิดสุริยคราสเต็มดวง ร่ำลือกันว่าเป็นอาเพศอันใหญ่หลวง หลังจากนั้นไม่นาน สยามประเทศก็ผลัดแผ่นดินสู่รัชสมัยพระพุทธเจ้าหลวง ที่ตำบลพระโขนง ผัวเมียคู่หนึ่งยืนร่ำลากันที่ศาลาท่าน้ำด้วยความอาลัย นายมาก ผู้ผัวถูกบาดหมายเกณฑ์เลขไพร่ไปเป็นทหารที่บางกอก ฝ่ายเมีย คือ นางนาก ขณะนั้นกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ การลาจากครั้งนี้สร้างความโทมนัสแก่สองผัวเมียยิ่งนัก ด้วยมิรู้ว่าจะได้กลับมาพบกันอีกหรือไม่ นางนากเอาแต่ร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจตาย ในยามที่เรือของผัวแล่นลับคุ้งน้ำไป  รีวิว นางนาก ดูหนังออนไลน์  รีวิวหนังผี

นายมาก ถูกเกณฑ์ไปรบในสงครามปราบฮ่อ ณ สมรภูมิอันกันดาร ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงถูกส่งตัวไปรักษากับสมเด็จพุฒาจารย์โตที่วัดระฆัง นางนากไม่ได้ข่าวคราวผัวเลยตั้งแต่จากกันไป ได้แต่เพียรมายืนรอผัวที่ศาลาท่าน้ำแห่งนั้นทุกเมื่อเชื่อวัน ขณะที่ครรภ์ของนางก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนล่วงเข้าเดือนที่ 9 นางนากเจ็บท้องจะคลอดลูก ทิดอ่ำ ผู้เป็นเกลอ นายมาก เป็นธุระตาม ยายเอิบหมอตำแยมาทำคลอด แต่ลูกในท้องก็หายอมออกมาไม่ นางนากเบ่งลูกด้วยความเจ็บปวดจน ในที่สุดก็ขาดใจตายไปทั้งแม่และลูก ดูหนังฟรี

ธนบุรี วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พุทธศักราช 2412

ฝ่ายนายมาก เมื่อบาดแผลหายดีแล้วก็ให้เป็นห่วงเมีย จึงอำลา สมเด็จโตกลับบ้านที่พระโขนง
สมเด็จโต : เป็นอย่างไรบ้างโยม เห็นจะสบายดี หายไข้ หายเจ็บ แล้วสินะ
นายมาก : สบายดีแล้วขอรับ เป็นด้วยพระเดช พระคุณสมเด็จที่เมตตา เกล้ากระผมถึงรอดตายมาได้
สมเด็จโต : ไอ้ชะตาคนเรานี่ประหลาดแท้ บางทีจะตายกลับไม่ตาย บางทีอยู่ดีๆก็มาด่วนตายปุ๊บปั๊บเสียอย่างนั้น นี่แหละ เขาเรียก อนิจจัง เมื่อโยมหายดีแล้ว ลูกคิดว่าจะบวชซะเลยดีไหมเล่า เคราะห์ที่มีจะได้ผ่อนปรนลงบ้าง โยมเห็นว่ากระไร
นายมากมีท่าทีอ้ำอึ้ง ด้วยคิดถึงเมียและลูก สมเด็จโตรู้ในวาระจิตของนายมาก
สมเด็จโต : เห็นที โยมจะห่วงทางเรือนที่อยู่หลังกระมัง
นายมาก: ขอรับ เกล้ามีเรือนอยู่ที่บางพระโขนง เมียกำลังท้องแก่ ป่านนี้คงคลอดแล้ว สองคนแม่ลูกอยู่ทางนั้น ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เกล้าเป็นห่วงนัก เลยคิดว่าจะกราบลากลับไปที่เรือนเสียก่อน ต่อหลังแล้ว เกล้าจะกลับมาบวชเรียน ปรนนิบัติ ขอรับ
สมเด็จโต : สุดแล้วแต่โยมเถิดหนา กาลใดอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้โยมตั้งสติให้มั่น ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม อย่ายึดมั่นถือมั่น จะเป็นทุกข์หนา

ระหว่างทางกลับทางคุ้งน้ำพระโขนง นายมากให้ผิดสังเกตนัก ด้วยทั่วทั้งบางพระโขนงเงียบเหงาวังเวงผิดหูผิดตา ครั้นมาถึงที่ศาลาริมน้ำก็พบ นางนาก อุ้มลูกมายืนรอผัวอยู่ นายมากก็ดีใจที่ได้พบลูกเมียโดยหาเฉลียวใจไม่ว่า เมียและลูกของตนนั้นเป็นผีหาชีวิตไม่แล้ว

รีวิว นางนาก

นายมาก อยู่กินกับ ผีนางนาก ฉันผัวเมียโดยมิได้ระแคะระคายใดๆเลย ผีนางนากเฝ้าปรนนิบัติผัวเฉกเมื่อครั้นยังมีชีวิตอยู่ ความรักความอาลัยของนางนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่ากฎอนิจจัง หากนางเองก็สำเหนียกได้ว่า วันหนึ่งนายมากจะต้องรู้ความจริงว่านางตายไปแล้ว และวันนั้นทั้งสองผัวเมียก็จะต้องจำพรากจากกันไปชั่วนิรันดร์ นางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อมิให้นายมากรู้ ขณะที่ชาวบ้านละแวกนั้นเริ่มตายลงทีละคน

รวมทั้ง ทิดอ่ำก็ตายลงอย่างลึกลับ และมีเสียงเล่าลือถึงอิทธิฤทธิ์ของผีนางนากก็ระบือไปทั่วบางพระโขนง จนไม่มีใครกล้าออกไปไหนเลยในเวลากลางคืน ทั่วทั้งบางอยู่ในความสะพรึงกลัว และแล้วคืนที่ นายมาก รู้ความจริงก็มาถึง เมื่อผีนางนากเผลอนำมะนาวตกลงใต้ถุนเรือน นายมากแอบเห็นเมียแสดงอิทธิฤทธิ์ยื่นมือยาวลงไปเก็บผลมะนาวนั้น ก็รู้ทันทีว่าเมียของตนเป็นผี

นายมากตกใจกลัวจึงหนีไปซ่อนตัวที่วัดมหาบุด (มหาบุศย์) เวลานั้นญาติทิดอ่ำผู้โกรธแค้นได้ยกพวกมาเผาเรือนนางนาก ผีนางนากจึงปรากฏกายขึ้นและอาละวาดฆ่าคนตายไปมากมาย ก่อนจะออกติดตามหาผัวไปถึงวัดมหาบุด

จนพระเณรแตกตื่นตกใจกันไปทั่ว ร้อนถึง สมเด็จโตวัดระฆังต้องออกเดินทางมาปราบ ท่านไปที่หลุมศพ นางนากจึงสงบลง สมเด็จโตจึงเจาะเอากระดูกหน้าผากศพชิ้นหนึ่งเพื่อสะกดวิญญาณนางนากไว้ และนำติดตัวไปกับท่านตลอดเวลา

นับตั้งแต่วันนั้นมาไม่มีใครได้ยินข่าว ผีนางนากออกอาละวาดอีกเลย นายมากได้บวชเป็นภิกษุเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เมียรักในสัมปรายภพ ส่วนกระดูกหน้าผากชิ้นนั้นภายหลังได้หายสาปสูญไปเหลือไว้แต่เพียงเรื่องเล่าขานถึงความรักความภักดีต่อผัวของนางนาก ที่ยังคงอยู่ตราบทุกวันนี้

หลังตั้งท้องได้ไม่เท่าไหร่ มาก (วินัย ไกรบุตร) ต้องเดินทางไปออกรบแนวหน้าจำต้องจรจาก นาก (อินทิรา เจริญปุระ) เมียท้องแก่ไว้พระโขนงด้วยเวลาผ่านหลายเดือนทำให้นากจำต้องคลอดบุตรแต่โชคร้ายที่ท้ายสุดต้องตายทั้งกลม โดยวิญญาณได้เฝ้ารอ มาก ผัวรักกลับมาเสมอ และแม้มากจะกลับมาอยู่กินกับวิญญาณเมียรักโดยไม่รู้ความจริง แต่นากก็พยายามปรนนิบัติผัวอย่างดีที่สุดท่ามกลางความเกลียดกลัวของชาวบ้าน จนเกิดเป็นตำนานรักแห่งบางพระโขนงที่ความตายก็ไม่อาจพรากหัวใจรักแห่งนาง…

รีวิว นางนาก

นางนาก ครองตำแหน่งหนังไทยร้อยล้านเรื่องแรกในประวัติศาสตร์เมื่อครั้งออกฉายปี 2542 สร้างความคึกคักให้วงการจนเกิดหนังไทยจากผู้กำกับรุ่นใหม่ที่สร้างงานคุณภาพมากมาย โดยหากกล่าวถึงเฉพาะ นางนาก เราอาจมองได้ทั้งการนำตำนานที่รู้จักกันดีอยู่แล้วอย่าง แม่นาคพระโขนง มาบิดมุมมองผ่านบทภาพยนตร์ของ วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ที่มุ่งเน้นดราม่าและอารมณ์โรแมนซ์ระหว่างคู่รักที่มักแคล้วคลาด

หรือฝรั่งเรียก Star Crossed Lovers จนเกิดกระแสความนิยมในหมู่คนดูหนัง กับอีกมุมหนึ่งคือการพลิกโฉมการสร้างหนัง โดยก่อนหน้านี้ที่หนังไทยเข้าภาวะซบเซาในยุค 2530 อันเกิดจากการไหล่บ่าของหนังแนวกระโปรงบานขาสั้น ตลอดระยะเวลาร่วม 10 กว่าปีแทบไม่มีหนังไทยเรื่องไหนทำเงินเลยจนกระทั่งเกิดปรากฎการณ์หนังไทยเฉียดร้อยล้านครั้งแรกกับ 2499 อันธพาลครองเมือง ของนนทรีย์ นิมิบุตร

ที่ออกฉายก่อนนางนาก 2 ปี ในปี 2540 ที่ทำเงินไปได้ 75 ล้านบาทซึ่งถือว่าสูงมากแล้ว ดังนั้นการมาของชายชื่อนนทรีย์ นิมิบุตร จึงเป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงสำหรับวงการหนังไทยก็ไม่ผิดนัก เพราะจากปรากฎการณ์หนังไทยร้อยล้าน นายทุนก็เริ่มกล้าลองตลาดกับผู้กำกับที่จบสาขาภาพยนตร์โดยตรงโดยเฉพาะกลุ่มผู้กำกับ

แฟนฉัน ที่จบจากนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ตามหลังความสำเร็จมาในอีก 3 ปีต่อมา (โดยชื่อที่เรามาค้นพบหลังดูไปไม่รู้กี่รอบก็คือ คมกฤษ ตรีวิมล ที่เคยทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับ นางนาก ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับ แฟนฉัน ในเวลาต่อมา)

แต่พ้นจากตำนานและผลกระทบต่อประวัติศาสตร์หนังไทยไปแล้ว โดยเนื้องานต้องบอกว่าเต็มไปด้วยรายละเอียดที่เหมาะแก่การดูซ้ำในวันนี้ และรวมถึงการชักชวนให้เด็กรุ่นใหม่ได้เข้าไปสัมผัสกับประสบการณ์ภาพยนตร์ไทยที่สร้างได้ประณีตยิ่งนัก โดยเฉพาะการออกแบบงานสร้าง งานถ่ายภาพและดนตรีประกอบที่เป็นเหมือนงานสร้างระดับมาตรฐานสากลอย่างแท้จริง ทั้งการกำหนดเฟรมภาพของน้ากล้วย

ณัฐวุฒิ กิตติคุณ ที่เล่นสัดส่วนตั้งแต่ฉากไอคอนอย่าง แม่นากยืนรอที่ท่าน้ำ ไปจนถึงฉากห้อยหัวที่ศาลาวัดอันโด่งดัง ซึ่งสอดประสานกับงานสร้างของ เอก เอี่ยมชื่น ที่เนรมิตรโลกใน นางนาก ได้อย่างอัศจรรย์ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือดนตรีประกอบโดย ชายชาติ พงษ์ประภาพันธ์ กับ ภควัฒน์ ไวยวิทย์ ที่สอดประสานทั้งไทยและสากลได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเพลงประกอบที่ได้เสียงเอื้อนของ หนู มนต์ทิพย์ ลิปิสุนทร (อดีตนักร้องนำ Kidnapper และปัจจุบันเป็นดีเจคลื่น Cat Radio) ที่ยังคงความหลอนเข้ากับเรื่องราวแบบติดหูออกมาจากโรงได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

ทีนี้มาว่ากันที่การรีมาสเตอร์ที่บอกกันว่าให้ความคมชัดระดับ 4K กันบ้าง ก่อนอื่นเราว่ากันถึงระบบฉายเมื่อปี 2542 กันก่อน การฉายด้วยระบบฟิล์มเซลลูลอยด์ในยุคนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อเนื่องมาช้านานในยุคที่หนังยังคงถ่ายทำด้วยฟิล์มกันอยู่ ดังนั้นหากจะถามว่าหนังชัดขึ้นกว่าเดิมมั้ยก็ต้องบอกว่าเทียบกันไม่ได้ครับ ฮ่าาาาา

แต่สิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นสัจธรรมก็คือ ฟิล์ม เป็นมาสเตอร์ที่เก็บได้ยาวนานที่สุดและเสียคุณภาพน้อยที่สุด ตลอดจนถือว่าค่อนข้างปลอดภัยที่สุดด้วยผิดกับระบบดิจิทัลที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญหายจากเหตุไม่คาดฝันมากที่สุด และที่สำคัญที่สุด-ในทางหลักการบันทึกภาพมันคือการสอดประสานระหว่างธรรมชาติคือ แสง หรือ ไฟที่จัด กระทบเลนส์แล้วส่งผ่านเกตไปยังฟิล์ม

ดังนั้นความละเอียดภาพในยุคนั้นเลยไม่ได้มานั่งคำนวนกันว่ามันชัดกี่พิกเซลแบบยุคปัจจุบันนะครับแต่ความมหัศจรรย์ของมันก็คือฟิล์มสามารถเก็บรายละเอียดสเปกตรัมของสีสันและแสงต่างๆได้กว้างกว่าดิจิทัล ดังนั้นการนำฟิล์มมารีมาสเตอร์จึงเป็นเหมือนการสแกนฟิล์มแล้วแก้เพียงริ้วรอยของกาลเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งนางนากเพิ่งผ่านมา 20ปี จึงไม่ต้องซ่อมล้างใหญ่เหมือนหนังที่มีอายุมากกว่านี้เท่าไหร่นัก

ซึ่งจากการรับชมด้วยตาในรอบปฐมทัศน์แล้วก็ต้องบอกว่า ตัวหนังมีความคมชัดและโทนภาพของหนังก็ยังคงเหมือนเดิมเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนเป๊ะๆ เรื่องเสียงเชื่อว่าไม่ได้ปรับเพิ่มเพราะของเดิมก็คือเป็นระบบดอลบี ดิจิทัลแล้ว ดังนั้นการนำมาฉายคราวนี้จึงเหมือนเราได้นั่งย้อนไทม์แมชชีนกลับไปในโรงเมื่อ 20 ปีก่อนมากกว่าจะบูรณะจนมันเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อวานแบบหนังคลาสสิกเรื่องอื่น

ส่วนงานภาพแม้ในภาพรวมจะถือว่าคมชัด ใสกิ๊ก แต่ฉากที่มีความมืดจะเจอจุดบอดชัดที่สุด เพราะของเดิมเป็นฟิล์ม เมื่อพรินต์ลงฟิล์มมันก็ยังเห็นเป็น เกรนฟิล์ม ดูสวยงาม แต่พอมาแปลงเป็น ดิจิทัล เกรนกลายเป็นนอยซ์ เลยทำให้ฉากไหนที่ถ่ายมามืดกลายเป็นขึ้นนอยซ์ไม่สวยงามจนน่าเสียดาย ทั้งที่ซีนอื่นๆทำออกมาได้สวยสดงดงามมากทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตามการกลับมาฉายครั้งนี้ของ นางนาก ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่เราะจะได้แนะนำหนังไทยอันเป็นตำนานทั้งในเชิงความโด่งดังระดับหนังทำเงิน 150 ล้านบาทและหนังที่สมบูรณ์พร้อมในงานสร้างแบบครั้งหนึ่งในชีวิตต้องชมในโรงภาพยนตร์ให้เด็กรุ่นใหม่ๆได้ศึกษา หรือได้ย้อนเวลาไปรำลึกความหลังที่เคยต่อแถวซื้อตั๋วแบบลุ้นหืดขึ้นคอ ก็ควรค่าแก่การกลับมาชมใหม่ทั้งนั้นครับ