รีวิว It Chapter Two

รีวิว It Chapter Two

ดูหนังเถื่อน สองปีที่แล้ว เราได้พบกับ It อิท โผล่จากนรก หนังสยองขวัญที่ดัดแปลงจากนิยายดังของ Stephen King เล่าเรื่องของตัวตลกผีบ้าผีบอที่อาศัยอยู่ในท่อน้ำ และเราก็รู้ว่า มันยังมีอีกครึ่งหนึ่งที่เล่าตอนพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ สองปีถัดมา หนังเรื่องเดิมกลับมาอีกครั้งในแบบหนังภาคต่อ It Chapter Two หรือ อิท โผล่จากนรก 2 ซึ่งภาคนี้ถือเป็นภาคจบ รีวิว It Chapter Two รีวิวหนังผี ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

สัปดาห์นี้ก็ต้องยกให้เรื่องนี้แล้วล่ะครับ กับ It โผล่จากนรก Chapter 2 ซึ่งเป็นหนังที่หลายๆ คนรอคอย เพราะชอบภาคแรกในปี 2017 ที่ทำออกมาได้ดีจนเป็นที่ฮือฮาและพูดถึงแก๊ง Loser กันอย่างมากมาย แล้วพอหนังฉายได้ไม่เท่าไหร่ก็มีการแคสตัวนักแสดงรุ่นใหญ่กันทันที ซึ่งนักแสดงนำสองคนที่เปิดออกมาตอนแรกอย่าง Jessica Chastain และ James McAvoy ก็ค่อนข้างได้รับการตอบรับและการอรอคอยเป็นอย่างดี

ภาคนี้พูดถึง 27 หลังจากเพนนีไวส์โดนกำหราบไปในภาคแรก เพราะตัวตลกปีศาจเพนนี่ไวซ์จะกลับมาเยือนเมืองเดอร์รี่ รัฐเมนในทุกๆ 27 ปี เหล่าตัวละครที่แยกย้ายจากกันไปนานจึงต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 3 ศตวรรษหลังจากเหตุการณ์สยองเกิดขึ้นกับพวกเขาตอนเด็กในภาพยนตร์ภาคแรก เพื่อมาจัดการเจ้าตัวตลกจอมโหดให้หายไปตลอดกาล ดูหนัง

เรื่องย่อ ตัวตลกปีศาจเพนนี่ไวซ์จะกลับมาเยือนเมืองเดอร์รี่ รัฐเมนในทุก ๆ 27 ปี “It: Chapter Two – อิท โผล่จากนรก 2” จึงพาเหล่าตัวละครที่แยกย้ายจากกันไปนานกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ตามคำสัญญาที่ให้ไว้ในวัยเด็ก ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษหลังจากเหตุการณ์สยองเกิดขึ้นกับพวกเขาตอนเด็กในภาพยนตร์ภาคแรก และนี่อาจถึงเวลาที่ต้องสะสางและจบ “มัน” เสียที

รีวิว It Chapter Two

รีวิว It Chapter Two

นี่คือผลงานหนังภาคต่อจาก IT (2017) จากฝีมือผู้กำกับคนเดิมอย่าง แอนดี้ มุสชีเอตติ (Andy Muschietti) ที่ทุกคนรอคอย เพราะภาคแรกก็จัดว่าเป็นหนังขวัญใจมหาชน สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกไปสูงถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐ แถมคำชมว่อนไปหมด ด้วยการดัดแปลงนิยายเรื่องโบว์แดงของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ราชาสยองขวัญแห่งยุคออกมาได้อย่างมีคลาส มีรสนิยม แถมยังทำได้บันเทิงเหมาะกับผู้ชมหลากหลายแนวด้วย

It ภาคก่อนถือว่าเป็นงานที่เซอร์ไพรส์ เพราะมันเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเฟ่น คิง แล้วทำออกมาได้ดี และภาคนี้ก็ยังรักษามาตรฐานนั้นได้ดี ทั้งความสยองจากการจู่โจมอันไร้ปราณีต่อเด็กๆและคนไน้ทางสู้ของเพนนีไวส์ และมิตรภาพอันอบอุ่นและชวนฮึกเหิมของแก๊งขี้แพ้ ภาคก่อนเล่าถึงการต่อสู้และเอาชนะความกลัว

ส่วนภาคนี้จะเล่นกับประเด็นของการเอาชนะและก้าวข้ามอดีตอันโหดร้าย ความทรงจำอันเลวร้ายที่บรรดาแก๊งขี้แพ้ที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วอยากฝังลืมมันไว้กับเมืองพร้อมๆกับอดีตของพวกเขา จนพวกเขาเองก็หลงลืมอะไรหลายๆอย่างที่ควรจ่าแก่การจดจำไป เพราะเมื่อพวกเขาเลือกที่จะฝังอดีตไปกับเมือง เพื่อที่จะลืมความเจ็บปวด

พวกเขาก็ฝังความสุขที่เคยอยู่ด้วยกัน เคยฝ่าฟันอุปสรรคร้อยแปดไปด้วยกันไปด้วย และพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะเอาชนะ ก้าวข้าม และปล่อยวางกับอดีตที่เจ็บปวด เพื่อให้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ ประเด็นพวกนี้ทำให้Itกลายเป็นหนังสยองขวัญที่ดูแล้วอบอุ่น ฮึกเหิมประหนึ่งEndgame มากกว่าที่จะกลัว

IT: Chapter Two อิท โผล่จากนรก 2 เป็นหนังภาคต่อที่เดินเรื่องในช่วง 27 ปีให้หลัง นับจากภาคแรก ซึ่งการกลับมาของ Pennywise รอบนี้คือน่ากลัวแบบจัดเต็ม ทั้งฉากJump Scare ฉากโหด มาไม่ขาดสาย เรียกว่าดูแล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เมืองนอกจะให้เรต R กับเรื่องนี้ แม้จะมีแทรกมุกตลกค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับหนังแนวนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมเสียหายเลย กลับกลายเป็นส่วนที่ทำให้บันเทิงขึ้นกว่าเดิมซะอีก

รีวิว It Chapter Two

ตอนเห็นพลอตหนัง ผมก็งงๆว่าหนังจะเล่ายังไง เพราะแม้จะถ่ายทำต่อจากภาคแรกไม่นาน แต่เส้นเรื่องห่างกันนานมาก นักแสดงก็เป็นคนละชุด แต่นี่กลับกลายเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุดของหนังเรื่องนี้ หนังเชื้อเชิญให้เราอยากรู้อยากเห็นไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อ ปมในใจและความสัมพันธ์ของตัวละคร พร้อมๆกับการเตรียมตัวรับมือกับ Pennywise รอบนี้ ซึ่งหนังก็ทำได้น่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง แม้หนังจะยาวเกือบๆ 3 ชั่วโมงก็ยังมีความน่าสนใจอยู่ในทุกช่วงของหนัง

โดยรวมนี่เป็นหนังระทึกขวัญ ที่ทำออกมาได้เต็มอิ่มกับหลากหลายรสชาติมากๆ ผมเลยชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรกครับ ใครที่ดูภาคแรกแล้วชอบ ภาคนี้ถือว่าต่อยอด และปิดจบเรื่องของ IT ได้อย่างสมบูรณ์

ด้านดาวเด่นของงานแบบเกินคาดหมายขอยกให้ บิล เฮเดอร์  (Bill Hader) ที่มารับบท ริชชี่ ปากมอมที่โตมากลายเป็นดาวตลกอาชีพที่คอยพูดมุกสไตล์ตลกร้ายใส่เพื่อน ๆ และคนดู จนหนังปลอดล็อกสถานการณ์ชวนอึดอัดให้ผ่อนคลายได้สนุกสนานมาก ๆ ตลอดเรื่อง นักแสดงอื่น ๆ นอกจากนั้นก็ถือว่าฝีมือได้มาตรฐานไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไร

และอาจต้องพูดถึงการแสดงของ บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) ในบท เพนนีไวซ์ ปีศาจตัวตลกที่บอกได้เพียงว่าเด็ดดวงสยองเกล้าเช่นเดิม ยิ่งได้ซีจีมาช่วยเพิ่มความบิดเบี้ยวของการแสดงก็ยิ่งหลอนมากขึ้น ฉากที่ทำได้อย่างน่าจดจำก็เช่นฉากนับถอยหลังจนน้ำลายไหล ที่ทำเอาขนลุกเกรียวทีเดียว

รื่องราวของหนังจะต่อจากเหตุการณ์ของกลุ่มเด็กแก๊งค์ Loser ที่จัดการตัวตลกเพนนีไวซ์ไปแล้วในภาคแรก แต่เปล่าเลยครั้งนั้นไม่ได้กำจัด “มัน” ไปอย่างถวาร เพียงแต่เจ้าตัวตลกแค่ถอยกลับลงไปในท่อน้ำและรอเวลาที่ “มัน” จะกลับขึ้นมาทวงคืนอีกครั้งใน 27 ปี ถัดมา จากกลุ่มเด็กขี้แพ้ในวันนั้น วันนี้ต่างกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง แต่สัญญาที่เขาได้ให้กันไว้เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ว่าต้องกลับมาชำระแค้นกับ “มัน” ให้เร็จสำเร็จทำให้พวกเขาต้องกลับมาเผชิญหน้ากับ “มัน” อีกครั้งในเมืองบ้านเกิด

หนังผสมผสานความหลากหลายอารมณ์เข้าด้วยกัน ฮา ยิ้ม เศร้า  คือครบมากทุกอารมณ์ แถมการตัดสลับฉากและการเดินเรื่องไม่แย่เท่าภาคแรกที่ตัดอารมณ์คนดูดื้อ ๆ ถือว่าภาคนี้เขาทำการบ้านมาดีอยู่ครับ แต่อย่าเพิ่งรู้สึกว่าระยะเวลาเกือบสามชั่วโมงของหนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูรู้สึกอืดอาดยืดยาดหรือรู้สึกเบื่อนะครับ เลิกคิดไปได้เลยเพราะหนังเดินเรื่องได้น่าตื่นเต้นและน่าค้นหาไปกับปมและเหตุการณ์ต่าง ๆ

ส่วนตัวปิศาจอย่าง เพนนีไวซ์กลับมาภาคนี้หลอนหนักกว่าเก่า น่ากลัวและน่าเกียจกว่าภาคที่แล้วเยอะครับ และความแหวะที่แหวะจริงจังขนาดนี้ สาวกหนังสายแหวะคงปลื้มกันน่าดูเลย แต่ก็จะมีบางกลุ่มที่ไม่ชอบอะไรแหวะ ๆ ก็อาจจะไม่ชอบหรือไม่โอเคก็พาร์ทนี้ไปเลย ความฮึกเหิมในช่วงท้ายที่เหล่ากลุ่มเพื่อนรวมใจกันกลับมาต่อสู้เจ้าเพนนีไวซ์อีกครั้ง และช่วงฉากระทึกนี้ก็เล่นกับอารมณ์ของคนดูได้อย่างมีจังหวะจะโคลน มีบางช่วงที่หายใจไม่ทั่วท้องก็เป็นมาแล้ว

ภาคนี้คนที่ไม่เคยดูภาคแรกก็ดูรู้เรื่องครับ เพราะหนังจะเล่าอิงเรื่องราววัยเด็กของตัวละครแต่ละตัวอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งถ้าคนเคยดูภาคแรกก็เหมือนกับเป็นการย้อนเรื่องราวให้ ส่วนคนที่ไม่เคยดูก็จะเหมือนเล่าให้ฟังใหม่ ซึ่งหลายๆ คนบอกว่ามันทำให้หนังยาวเกินไป (หนังเกือบๆ 3 ชั่วโมงเลย) แต่สำหรับผม มันช่วยให้ซึมซับความสยดสยองของเจ้าเพนนีไวส์ได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

3 อย่างที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้คือ หนึ่งความครบรสที่มีทุกอารมณ์ทั้งสยองก็สุด ขำก็สุด ซึ้งก็สุด ช่วงการต่อสู้กับตัวตลกแต่ละฉากก็มันสะใจ สองคือรสนิยมที่มีคลาสสูงด้วยทุนสร้างที่ไม่สูงมาก ทั้งสวยทั้งแปลกและหลอนได้ตามเป้าประสงค์ ทั้งยังมีความสร้างสรรค์ในการจินตนาการความกลัวออกมาอย่างน่าทึ่งต้องชมทีมศิลป์ด้วย

และสุดท้ายคือการตกผลึกเรื่องราวได้อย่างน่าชื่นชม ในช่วงจบทำให้เราอินและหลงรักหนังได้มากที่เดียว สิ้นสุดการเดินทางแสนยาวไกลของแก๊งขี้แพ้ที่บอกพวกเราว่าเพราะทุกคนอ่อนแอจึงไม่เคยคิดทิ้งกัน นั่นคือคำว่าเพื่อนที่ไม่เคยตายนั่นเอง ใครบางคนอาจชอบภาคแรกมากกว่า แต่ส่วนตัวผมค่อนข้างบันเทิงและอินกินใจกับภาคนี้มากกว่า ด้วยการเปรียบเปรยความเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้แพ้กับวัยเด็กที่เฉียบคมนี่เอง

IT: Chapter Two อิท โผล่จากนรก 2 เป็นหนังภาคต่อที่เดินเรื่องในช่วง 27 ปีให้หลัง นับจากภาคแรก ซึ่งการกลับมาของ Pennywise รอบนี้คือน่ากลัวแบบจัดเต็ม ทั้งฉากJump Scare ฉากโหด มาไม่ขาดสาย เรียกว่าดูแล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เมืองนอกจะให้เรต R กับเรื่องนี้ แม้จะมีแทรกมุกตลกค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับหนังแนวนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมเสียหายเลย กลับกลายเป็นส่วนที่ทำให้บันเทิงขึ้นกว่าเดิมซะอีก

ตอนเห็นพลอตหนัง ผมก็งงๆว่าหนังจะเล่ายังไง เพราะแม้จะถ่ายทำต่อจากภาคแรกไม่นาน แต่เส้นเรื่องห่างกันนานมาก นักแสดงก็เป็นคนละชุด แต่นี่กลับกลายเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุดของหนังเรื่องนี้ หนังเชื้อเชิญให้เราอยากรู้อยากเห็นไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อ ปมในใจและความสัมพันธ์ของตัวละคร พร้อมๆกับการเตรียมตัวรับมือกับ Pennywise รอบนี้ ซึ่งหนังก็ทำได้น่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง แม้หนังจะยาวเกือบๆ 3 ชั่วโมงก็ยังมีความน่าสนใจอยู่ในทุกช่วงของหนัง