รีวิว Last Shift

รีวิว Last Shift

ถึงกับต้องเตือนไว้ก่อนเลย ว่าอย่าดูคนเดียวเด็ดขาด! เรื่องของตำรวจหญิงน้องใหม่ต้องอยู่เวรกะดึกเพียงลำพัง โดยที่โรงพักนี้มีประวัติ ตำรวจหญิงน้องใหม่จะต้องมาอยู่เวรกะดึกเพียงลำพังโดยที่โรงพักนี้มีประวัติ ผู้ต้องขังที่ผูกคอตาย และต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดมากมาย บรรยากาศของหนังทั้งลุ้นและกดดันตลอดทั้งเรื่อง จัดเป็นหนังผีนอกกระแสที่ขอแนะนำเลยค่ะ เตือนแล้วนะ ใจไม่แข็งพออย่าดูตอนกลางคืนค่ะ รีวิว Last Shift รีวิวหนังผี

กำลังหลักที่เป็นสิ่งชักชวนให้ผู้ชมไม่น้อยสนใจใน ภาพยนต์แนว Horror เรื่องนี้ ก็คงจะเป็นในส่วนของเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในภาพยนต์ที่ได้มีการเผยแพร่จาก Magnolia Pictures ที่สร้างความน่าสะพรึ่งกล้วมาแล้วนับไม่ถ้วน เริ่มเรื่องหนังจะเล่าถึง ลอเรน ตำรวจจบใหม่ที่กำลังหางานเป็นสถานีตำรวจสักแห่งหนึ่ง จากการที่ไล่สมัครไปหลายที่แล้วแต่ก็ยังไม่มีที่ใดมีตำแหน่งว่างสำหรับเธอเลย จนไม่นานเธอก็ได้รับข่าวดีจากโรงพักแซนฟอร์ดให้เธอไปประจำการได้ทันที

ซึ่งหน้าที่ของเธอคือการเฝ้าระวังความปลอดภัยที่ใกล้จะปิดตัวลง เนื่องจากยังเหลือหลักฐานบางส่วนไว้อยู่เธอจึงจำเป็นที่จะต้องอยู่ประจำการ แต่ทางผู้บังคับบัญชาของเธอดันบอกไม่หมดเพราะโรงพักแห่งนี้ได้มีวิญญาณของฆาตกรต่อเนื่องที่นำเด็กมาฆ่าเพื่อบูชาซาตานและตัดสิ้นใจปลิดชีพของต้นเองลง ในก่อนที่มันจะฆ่าตัวตายได้มาการผนึกวิญญาณของตนเองไว้เพื่อล้างแค้นตำรวจทุกคนที่จับพวกมันมา ส่งผลให้ลอเรรรรนต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าจะรอดกลับไปได้หรือไม่

ภาพยนต์แนว Horror ที่คนนอนดึกไม่ควรดูคนเดียวอย่างเรื่องที่มีชื่อว่า Last Shift ที่มีการดำเนินเรื่องให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงอารณ์ของตัวละครอย่างใกล้ชิดทั้งด้าน การเล่าเรื่องหรือสื่ออารมณ์ต่อคนดูก็ถ่ายทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม งานภาพของเรื่องที่มีโทนเทาๆ อีกทั้งจะได้เห็นแต่ล่ะฉากที่จากสถานีตำรวจธรรมดาให้กลายเป็นนรกอีกขุมหนึ่งได้อย่างชัดเจนใครที่เป็นคอสยองขวัญรับรองว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างมาก เว็บดูหนัง

ไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้เปิดไปเจอกับหนังเรื่องหนึ่งใน Netflix ระบุไว้คือปี 2020 ซึ่งโปสเตอร์หนังรวมถึงชื่อของหนังมีความดึงดูดสายตาเรามาก ๆ นั้นคือ “The Last Shift กะสุดท้าย (2020)” ซึ่งเป็นรูปของคนต่างวัยสองคนกำลังยื่นคู่กันและหลังจากก็อยากจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันว่าเป็นหนังแนวไหน ความสนุก หรือข้อคิดที่ได้เรื่อง หากพร้อมแล้วก็ไปดูกันค่ะ

รีวิว Last Shift

เรื่องราวเกิดขึ้นจาก ‘สแตนลี่ย์’ หนุ่มวัยชราที่ทำงานให้กับร้าน Oscar’s ร้านอาหาร Fast Food แห่งหนึ่งที่ยาวนานมากถึง 38 ปีและเขากำลังจะลาออก แต่ก่อนที่จะลาออกและได้เงินเดือน เขามีเงื่อนไขก็คือจะต้องสอนงานให้กับเด็กใหม่ก่อน นั้นคือ ‘เจวอน’ เด็กหนุ่มที่จำเป็นจะต้องทำงานเพราะเขานั้นจะต้องคุมความประพฤติ เนื่องจากเคยติดคุกมา โดยสแตนลี่ย์กับเจวอน ค่อนข้างจะมีนิสัยที่แตกต่างกันมาก สแตนลี่ย์ เขามีความเป๊ะ ทุ่มเทให้กับร้านนี้ เรียกว่าทำทุกหน้าในร้าน ตัดภาพไปที่เจวอน เขาเป็นสายชิล ๆ ทำให้ทั้งสองทะเลาะกันอยู่เสมอ เว็บดูหนังฟรี

โดยเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับสแตนลี่ย์ทำให้เขานั้น Blame เจวอน ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย จากเหตุการณ์หนึ่งทำพาจิตใจของสแตนลี่ย์หลงทำอะไรที่มันผิดมาก ๆ แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลกระทบไปสู่เจวอน

ส่วนตัวเราขอเรียกหนังเรื่อง The Last Shift เป็นหนังที่เบาสมอง ดูไปได้แบบเรื่อย ๆ แม้ตอนที่เราอ่านเรื่องย่อสั้น ๆของทาง Netflix ได้ Discription ไว้สั้น ๆ ได้ดูน่าสนใจน่าสนใจมาก ซึ่งหลายคนที่ได้ดูอาจจะคิดว่ามันน่าจะมีข้อคิดอะไรแฝงอยู่มากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของคนสองคนที่ต่างวัยกัน อาจจะมีการแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน หนังฟรี

ทำนองนั้น แต่เรื่องนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่าแทบไม่มีเลยละค่ะ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเรื่องนี้ก็เป็นในเรื่องของ ‘Safe Zone’ ของสแตนลี่ย์ ที่มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เขามักจะคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันก็ดีแล้วหนิ (ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะดีได้มากกว่านี้เยอะมาก) หรือในเหตุการณ์ที่เขาวางแผน ‘คิดว่า’ จะทำแต่สุดท้ายกลับลำแบบง่าย ๆ ทำให้ชีวิตของเขาดูไม่ค่อยจะมีจุดหมายสักเท่าไหร่

กลับกันกับเจวอน เด็กหนุ่มที่เคยติกคุกมา หนำซ้ำแล้วเรื่องราวต่าง ๆ หลังจากที่เขาได้กลับมาบ้านก็กลับแย่ลงเรื่อย ๆแต่น้อยฉากมากที่จะเห็นเขาท้อแท้หรือหมดหวังในตัวเอง ชีวิตของเขากลับกลายไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งทางด้านหน้าที่การงานหรือทางครอบครัวเอง ซึ่งจากฉากนี้ก็แฝงข้อคิดไว้ว่าวันหนึ่งที่เราเลือกเดินทางผิด ไม่มีอะไรสายที่เราจะแก้ไขหรือทำมันให้ดีขึ้นได้ หนังใหม่

รีวิว Last Shift

สำหรับเรื่องนี้เราคงขอนิยามด้วยประโยคสั้น ๆ อย่าง ‘ดีแต่ไม่สุด’ เพราะพล็อตเรื่องดูมีความน่าสนใจมาก ๆ คิดว่าทำได้ดีมากกว่านี้ อย่างฉากที่สแตนลี่ย์แลพเจวอนพูดคุยกัน ในบางฉากการสนทนาเหมือนจะเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่หนังเลือกที่จะตัดบทไปแบบเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่คุยมันสามารถนำไปต่อยอดอะไรในเรื่องได้อีกมากมาย หรือให้ข้อคิดกับคนดู

สำหรับสิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ก็คงเป็น ‘ตัวนักแสดง’ นั้นคือนักแสดงชื่อดังที่กวาดรางวัลมาแล้วเยอะแยะมากมายอย่าง Richard Jenkinsและ Shane Paul McGhie ที่ขอเรียกว่าเป็นความแตกต่างที่แสนลงตัว ทั้งคู่รับบทกันไปมาได้ดี อย่างฉากที่มีดราม่าทะเลาะกัน ทั้งสองก็แสดงออกมาทางสายตารับกันไปได้ดูสมจริงมาก ๆอีกทั้งเรื่อง Mood and tone ภายในเรื่องส่วนตัวเรานั้นชอบมาก ๆ เพราะทำให้เล่นกับ Emotional ของคนดูได้ดีเลยทีเดียวละค่ะ ยกตัวอย่างฉากสุดท้ายที่อารมณ์แบบต่างคนต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเองก็จะมีฝนตกปรอย ๆ ลงมาทำให้ระดับความเศร้าก็เพิ่มสูงขึ้นแบบไม่รู้ตัว

ภาพยนต์ Last Shift ที่หากใครยังไม่รู้ว่าจะตัดสิ้นใจเลือกหนังเรื่องไหนดีที่จะมาช่วยให้หัวใจสูบฉีดมากกว่าเดิมแล้วล่ะก็ ภาพยนต์แนว Horror จะมาเป็นหนึ่งในทางออกที่ดีเลยทีเดียว สำหรับหนังที่มีชื่อเรื่องว่า Last Shift ที่จะต้องมีผู้ชมไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักกับภาพยนต์เรื่องนี้มาเริ่มทำความรู้จักกันเลยดีกว่า ดูหนังฟรี

โดยเป็นผลงานจากการกำกับของ แอนโทนี ดิบลาซี ที่กว้าดรางวัลมามากอยู่พอสมควร ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดเรื่องราวความน่ากลัว ร่วมด้วยนักแสดงมากฝือมืออย่าง Juliana Harkavy , Joshua Mikel , J. Larose และอีกมากมายที่จะมาเป็นสื่อทุกอารมณ์ความสยดสยองให้ผู้ชมได้รับกันจนนอนไม่หลับ

อาจจะมีการแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ทำนองนั้น แต่เรื่องนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่าแทบไม่มีเลยละค่ะ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเรื่องนี้ก็เป็นในเรื่องของ ‘Safe Zone’ ของสแตนลี่ย์ ที่มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เขามักจะคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันก็ดีแล้วหนิ (ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะดีได้มากกว่านี้เยอะมาก) หรือในเหตุการณ์ที่เขาวางแผน ‘คิดว่า’ จะทำแต่สุดท้ายกลับลำแบบง่าย ๆ ทำให้ชีวิตของเขาดูไม่ค่อยจะมีจุดหมายสักเท่าไหร่

กลับกันกับเจวอน เด็กหนุ่มที่เคยติกคุกมา หนำซ้ำแล้วเรื่องราวต่าง ๆ หลังจากที่เขาได้กลับมาบ้านก็กลับแย่ลงเรื่อย ๆแต่น้อยฉากมากที่จะเห็นเขาท้อแท้หรือหมดหวังในตัวเอง ชีวิตของเขากลับกลายไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งทางด้านหน้าที่การงานหรือทางครอบครัวเอง ซึ่งจากฉากนี้ก็แฝงข้อคิดไว้ว่าวันหนึ่งที่เราเลือกเดินทางผิด ไม่มีอะไรสายที่เราจะแก้ไขหรือทำมันให้ดีขึ้นได้ ดูหนังออนไลน์

สำหรับเรื่องนี้เราคงขอนิยามด้วยประโยคสั้น ๆ อย่าง ‘ดีแต่ไม่สุด’ เพราะพล็อตเรื่องดูมีความน่าสนใจมาก ๆ คิดว่าทำได้ดีมากกว่านี้ อย่างฉากที่สแตนลี่ย์แลพเจวอนพูดคุยกัน ในบางฉากการสนทนาเหมือนจะเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่หนังเลือกที่จะตัดบทไปแบบเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่คุยมันสามารถนำไปต่อยอดอะไรในเรื่องได้อีกมากมาย หรือให้ข้อคิดกับคนดู

3สำหรับสิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ก็คงเป็น ‘ตัวนักแสดง’ นั้นคือนักแสดงชื่อดังที่กวาดรางวัลมาแล้วเยอะแยะมากมายอย่าง Richard Jenkinsและ Shane Paul McGhie ที่ขอเรียกว่าเป็นความแตกต่างที่แสนลงตัว ทั้งคู่รับบทกันไปมาได้ดี อย่างฉากที่มีดราม่าทะเลาะกัน ทั้งสองก็แสดงออกมาทางสายตารับกันไปได้ดูสมจริงมาก ๆ

อีกทั้งเรื่อง Mood and tone ภายในเรื่องส่วนตัวเรานั้นชอบมาก ๆ เพราะทำให้เล่นกับ Emotional ของคนดูได้ดีเลยทีเดียวละค่ะ ยกตัวอย่างฉากสุดท้ายที่อารมณ์แบบต่างคนต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเองก็จะมีฝนตกปรอย ๆ ลงมาทำให้ระดับความเศร้าก็เพิ่มสูงขึ้นแบบไม่รู้ตัว

ถึงแม้เรื่องหนัง The Last Shift กะสุดท้าย อาจจะผิดไปจากที่คิดไปซะหน่อย แต่ก็นับได้ว่าเป็นหนังที่ดูได้เรื่อย ๆเบาสมองและไม่มีเหตุผลอะไรมากมายนัก ซึ่งหากเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังหาอะไรที่ชิล ๆ ดูในวันหยุด ส่วนตัวเราก็คิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่แนะนำค่ะ

Last Shift (2015) เป็นหนังผีฝรั่งที่ไม่เหมือนหนังผีสไตล์ฝรั่งทั่วไปที่เราเห็น.. งงใหม ? คือมันไม่เหมือนกับหนังผีฝรั่งที่เราเคยได้ดูมา..มันมีอะไรมากกว่านั้น คือมันให้อารมณ์หลอนจนสะดุ้ง!!! เป็นพักๆ ยิ่งถ้าคุณดูตอนกลางคืนคนเดียว เเล้วปิดไฟ โอยยยย… เเม่เจ้า!!!!!! สุดยอดของความหลอนเลยจริงๆ!!!

มันหลอนเเบบหวาดระเเวงตลอดเวลา ว่าเฮ้ยยยย..จะมีอะไรโผล่มาตอนไหน จะมีผีตัวไหนออกมาบ้าง คือดูไปลุ้นไป!!! น้อยครั้งที่เเอดจะดูหนังผีฝรั่งเเล้วได้อารมณ์เเบบนี้ เเอดเป็นคนใจเเข็งไง ไม่ค่อยจะตกใจอะไรมากนักหรอก 555+ เเต่ Last Shift เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เเอดรู้สึกได้ หนังไม่ชักช้าเปิดมาก็เข้าเรื่องกันเลย ดำเนินเรื่องเลย น่าติดตามตั้งเเต่เปิดเรื่อง เล่นกับอารมณ์คนดูที่ต้องอยู่คนเดียวในสถานที่อาถรรพ์เเบบนั้น มันน่ากลัวนะ มัน Scary สุดๆ หนังไม่ต้องปรุงเเต่งอะไรมาก