รีวิว Priest

รีวิว Priest

Priest เรื่องราวของเหล่ากลุ่ม Priest หรือ นักบวชเพชรฆาต ที่เมื่อสมัยนานมาแล้ว เหล่ากลุ่ม Priest นั้นได้ช่วยเหลือเหล่ามนุษย์จากแวมไพร์อันโหดร้าย และ นำพวกมันไปกักขังไว้ในชั้นใต้ดินของเมืองมนุษย์ แต่แล้วหลังจากสงครามแวมไพร์จบลง เหล่ากลุ่ม Priest กลับโดนพวกมนุษย์ เนรเทศ และ ไม่ต้องการให้ใช้งานต่อไป พวกเขาต้องทนอยู่แบบรันทด จนกระทั่ง มีข่าวว่า มีเหล่ากลุ่มแวมไพร์ ได้จับตัวหลานสาวของพระเอกของเราอย่าง Priest ไป (เป็นนักบวชที่ไม่เปิดเผยชื่อ) จนกระทั่งพระเอกของเรานั้นต้องขออนุญาติบาทหลวงออกตามฆ่าพวกมันและช่วยตัวหลานสาวของเขากลับมาก่อนจะติดเชื้อให้ได้ !! รีวิว Priest รีวิวหนังผี ดูหนังเถื่อน

ดูหนังออนไลน์ Priest ผลงานกำกับของผู้กำกับ Scott Stewart หลังจากเคยผ่านงานชิมลางอย่าง Legion มาแล้ว ที่ไม่เป็นทั้งหนังขวัญใจนักวิจารณ์ รวมทั้งหนังนั้นยังทำรายได้ของหนังไปได้แค่พอถูไถๆด้วยแล้วนั้น เขาก็ขอกลับมากับหนังที่สร้างจากการ์ตูนเกาหลีเรื่องนี้ ที่คราวนี้ก็ยังคงเรื่องของ พระเจ้า และ ศาสนามาเต็มเรื่องเช่นเคย (หลังจากหลายคนไม่ค่อยถูกใจที่ให้พระเจ้าเป็นตัวร้ายใน legion) ซึ่ง Priest เปิดฉากมาด้วยบทหนังที่ออกแนวเชยและล้าหลัง แต่อย่างน้อยข้อดีของหนังอย่างแรกที่ชอบเลยคงหนีไม่พ้น การออกแบบเมืองของเหล่ามนุษย์ ที่มีทั้งฉากความ ไฮเทคต่างๆ + เครื่องแต่งกายและ อาวุธ ของ Priest ที่เล่นจับเอา ไม้กางเขน หรือแม้แต่ สร้อยคล้องคอ มาทำเป็นอาวุธได้หมด ซึ่งถือว่าทำออกมาได้แหวกแนวพอสมควรเลยนะ… ดูหนังฟรี

(ถึงแม้ว่าน่าจะมีบางคนที่นับถือศาสนาคริสต์ น่าจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ที่เล่นเอา ไม้กางเขน มาเป็นอาวุธอย่างนี้) แต่น่าเสียดายเมื่อนอกจาก เครื่องแต่งกาย และ การออกแบบ + Production ของหนังแล้ว ก็ไม่ค่อยมีอะไรถูกใจแล้วแม้แต่ฉากแอ็คชั่นก็ตาม… เมื่อมาพูดถึงด้านข้อเสียของ Priest หรือเรียกได้ว่าสิ่งที่ไม่ชอบ อย่างแรกที่เห็นแล้วเอะใจมากคือ บท ของหนัง ที่ไม่ใช่ว่า บทอืดเช่นไร (แต่กลับเป็นเร็วมาก เนื่องจากหนังยาวแค่ 87 นาที) แต่หากเป็นบทหนังที่ดูไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะการหลบหนีออกจากเมืองของพระเอก Priest ที่หลบหนีง่ายๆ ไม่มี Guard คอยคุ้มกันอยู่หน้าประตูเมืองหรืออะไรเลย + บทของหนังอย่างที่บอกว่า เชย และ ออกแนวล้าสมัยไปเกือบ 10 ปี โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่น และ คำพูดของตัวละครที่ล้าหลังไปแล้วนะ

และนอกจากนั้น คงหนีไม่พ้น เรื่องเดิมที่ไม่ถูกใจจาก Legion นั้นคือเรื่องของศาสนา ที่ถึงแม้ผมจะเป็นคน ศาสนาพุทธ แต่ดูก็รู้สึกตะหงิดๆ และ ไม่ชอบนิดนึง โดยเฉพาะฉากสารภาพบาป ของหนัง ที่ให้สารภาพกับเครื่องตอบรับ ที่ดูฉากนี้แล้วเหมือนกับ ล้อเลียน บาทหลวงของศาสนาคริสต์

(จะเห็นได้ว่าเวลาสารภาพบาปของหนังเรื่องต่างๆ บาทหลวงมักจะพูดแต่คำให้กำลังใจเดิมๆ หนังเรื่องนี้เลยจัดไปว่า สารภาพบาปกับเครื่องตอบรับซะเลย) (หรือผมจะเครียดไปคนเดียว) และนอกจากนั้นคงหนีไม่พ้นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดของหนัง นั้นคือ ฉากแอ็คชั่น ของหนังที่โดยส่วนตัวนั้น ฉากแอ็คชั่นในผลงาน…

รีวิว Priest

เก่าอย่าง Legion นั้นยังดูดีซะกว่าเรื่องนี้ เหตุเพราะ ดนตรีประกอบของ christopher young ที่ก่อนไปรับชมหนังเรื่องนี้ผมก็ได้ฟังมาก่อนก็ถือว่าดูดีในระดับนึง แต่พอมาเข้าฉากกับหนังจริงๆแล้ว ดันไปด้วยกันไม่ได้ โดยเฉพาะ ฉากแอ็คชั่น บ้าเดือดของหนัง ที่ Score ดันไปขัดแย้งอารมณ์ซะงั้น แต่ยังไงซะ

ก็คงพูดได้เต็มปากว่า สำหรับใครต้องการหาหนังแอ็คชั่นดูเพลินๆ ฆ่าเวลาเพื่อไม่มีอะไรทำ เรื่องนี้นั้นก็ช่วยคุณได้ แต่หากว่า ถ้าใครต้องการดูหนังแอ็คชั่น มันส์ๆ มีบท มีสาระ มีที่มาที่ไป เรื่องนี้ควรข้ามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนศาสนาคริสต์ที่น่าจะไม่ถูกใจหนังแอ็คชั่นเรื่องนี้อย่างแน่นอน

สรุป หนังแอ็คชั่นเรื่องนี้นั้นทำได้แค่ดูเพลินๆ สนุกๆ ดูความเน้นเท่ + การออกแบบ และ Production พร้อมกับดาราอย่าง Maggie Q แต่หากว่าใครต้องการหนังแอ็คชั่นแบบซีเรียสจริงจัง เรื่องนี้ไม่สามารถตอบโจทย์นั้นให้ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่นับถือไปในทางศาสนาคริสต์นั้นควรหลีกเลี่ยง

การกลับมาร่วมงานกันเป็นคำรบ 2 ของ Paul Bettany และผู้กำกับ Scott Charles Stewart ที่รอบก่อนแปะมือกันทำหนังสงครามเทวดา Legion ซึ่งผลลัพธ์ก็กลางๆ ดูได้แบบไม่ผิดหวัง

สำหรับ Priest นี้ตัวพล็อตหนังก็ออกจะคล้ายกับ Judge Dredd ผสมกับ Blade Runner โดยมีตัวร้ายเป็นแวมไพร์นั่นแหละครับ และ Priest คือกลุ่มนักรบที่มีหน้าที่ปกป้องมวลมนุษย์ให้พ้นจากพวกแวมไพร์

และเมื่อสงครามระหว่างคนกับแวมไพร์จบลง พวก Priest ก็หมดหน้าที่ และทางศาสนจักรก็ออกมาประกาศว่าแวมไพร์ได้พ่ายแพ้ไปจนหมดสิ้น แต่คงเดาได้นะครับ ว่ามันยังไม่หมดหรอก และล่าสุดมันก็บุกไปจับตัว ลูซี่ (Lily Collins) หลานสาวของนักบวชมือปราบระดับตำนาน ผู้ไร้นาม (Paul Bettany)

รีวิว Priest

รีวิว Priest

ทันทีที่เขาทราบข่าวก็รีบขออนุญาตเหล่าผู้นำศาสนจักรเพื่อออกไปช่วยเหลือและตามฆ่าพวกแวมไพร์ แต่ก็โดนปฏิเสธ จนหลวงพี่ต้องออกโรงลุยเดี่ยวไปช่วยหลานและกวาดล้างแวมไพร์อีกครั้ง

ตัวหนังจัดว่าดูเพลิน แม้เรื่องจะเดาได้ ซึ่งผู้กำกับ Stewart ก็สามารถใส่ฉากบู๊กับความระทึกมาดึงความสนใจอยู่เรื่อยๆ แล้วพี่ Paul แกก็ยังนำแสดงได้ดีอีกด้วยครับ ถือเป็นคาแรคเตอร์ที่ดู “มีอะไร” มากกว่าสมัยเล่นใน Legion ที่เรื่องนั้นแกจะออกแนวเทพไร้ใจที่มาเพื่อบู๊อย่างเดียว แต่กับเรื่องนี้ เขามีมาด มีจังหวะแห่งการเท่ห์เยอะขึ้นครับ อย่างก่อนจะออกโรงสู้นี่ก็จะมีการภาวนาบ้าง อ่านบทสวดบ้าง พูดกวนๆ บ้าง ไหนจะอาวุธสารพัดชนิดทั้งลับทั้งแจ้ง ก็ทำให้คนดูเชื่อได้ไม่ยากเลยว่า หลวงพี่เป็นมือปราบระดับตำนานจริงๆ

ถ้าว่ากันที่ตัวคาแรคเตอร์หลัก ถือว่าทำได้ไม่เลวครับ

งานด้านโปรดักชั่นก็ดูล้ำใช้ได้ ทั้งในและนอกเมืองเลย ได้อารมณ์ Blade Runner ผสม Mad Max ดีครับ ดาราสมทบก็เข้าท่า ที่ผมชอบมากหน่อยก็ Karl Urban กับบทวายร้ายแบล็คแฮท พี่แกดูเลือดเย็นกำลังเหมาะเลยล่ะครับ แต่ติดใจนิดหน่อยตอนบู๊ช่วงท้ายที่พี่ท่านฉะกับหลวงพี่ไม่ค่อยสะใจเท่าไร

หนังยังมาพร้อมประเด็นรอง (ที่แสนคุ้นเคย) อย่างปมเกี่ยวกับการพยายามคุมทุกอย่างของศาสนจักร ที่แม้จะมีตำแหน่งเป็นตัวแทนพระเจ้า แต่กลับตั้งท่าจะเป็นพระเจ้าซะเอง หรือตัวร้ายอย่างแบล็คแฮทก็ยังมีเหตุผลในการเป็นตัวร้าย ประมาณหันมาศรัทธาในจอมแวมไพร์ที่มอบความเป็นอมตะให้ ในขณะที่พระเจ้าไม่เคยให้โอกาสแบบนี้เลย เหล่านี้แหละครับ ปมแสนคุ้นเคยที่เราเจอบ่อยมากในหนังที่มีประเด็นเกี่ยวกับศาสนา

แต่ก็เป็นการกล่าวเกริ่นเปิดปมไว้อย่างนั้นล่ะครับ ในหนังก็ไม่ได้สานต่อให้ชวนคิดไปมากกว่านั้น (ก็มองในแง่ที่ว่า คนทำตั้งใจให้คนดูเอาไปคิดต่อเอง อะไรทำนองนั้น )

ถ้าถามว่า Priest กับ Legion อันไหนดีกว่ากัน ก็คงต้องขอตอบว่า “ใกล้เคียงกัน” เพราะมันมีดีมีด้อยไปคนละอย่างครับ แต่พอหักกลับลบแล้วก็รู้สึกว่ามันก็พอๆ กันน่ะแหละ

Priest นั้นถือว่าเด่นกว่า Legion ตรงคาแรคเตอร์หลักที่มีมิติมากขึ้น ลูกเล่นในการต่อสู้เยอะขึ้น (พวกอาวุธลับทั้งหลายน่ะครับ ถือว่าเยอะขึ้นนิดนึง) แล้วก็จังหวะการเดินเรื่องที่เปิดปมต่อเรื่องได้ค่อนข้างเร็ว จนทำให้คนดูพอจะมองข้ามจุดบอดไปได้บ้าง และงานด้าน Effect กับโปรดักชั่น พวกภาพเมืองหรือภาพแดนกลางทะเลทรายจัดว่าเข้าท่า

ทว่าจุดอ่อนคือ หนังยังแน่นกว่านี้ได้อีกเยอะครับ พวกปมต่างๆ หรือมิติตัวละครรายอื่นๆ นอกจากตัวเอก ยังไม่ค่อยมากเท่าไร ไม่เหมือนใน Legion ที่เหล่าตัวละครมีปมในใจให้คนดูเก็บไปคิดบ้าง ทำให้นอกจากตัวหลวงพี่มือปราบและแบล็คแฮทแล้ว ตัวสมทบเจ้าอื่นๆ จะไม่เด่นเท่าที่ควร