รีวิว the visit

เรื่องราวสุดระทึกของสองพี่น้อง ที่ถูกเลี้ยงโดยคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สองคนนี้ไม่เคยเจอตายายมาก่อน เพราะแม่ของพวกเขาได้ทะเลาะกับตายายตอนวัยรุ่นและไม่ได้กลับไปหากันอีกเลย แต่หลายปีต่อมา ตายายได้ติดต่อคุณแม่มาว่าเรื่องมันก็เป็นอดีตไปแล้วและตายายก็อยากเจอหลานมาก หลานสองคนจึงเดินทางไปเยี่ยมตาและยายในช่วงสุดสัปดาห์ แต่พอสองคนได้ไปพักกับตาตายก็พบว่าตาและยายมีบางอย่างที่ผิดปกติ ทั้งเพี้ยน ทั้งหลอน เด็กๆสองคนจึงต้องหาทางรับมือและหาทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

เปิดเรื่องมาก็จะแสดงให้เห็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วยแม่เลี้ยงเดี่ยวกับลูกๆอีกสองคนนั่นคือเบคก้าพี่สาวคนโตและไทเลอร์น้องชายคนเด็ก ซึ่งพวกเขากำลังทำสารคดี จึงได้มีการสัมภาษณ์แม่ตัวเองซึ่งทางแม่ก็ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยที่เธออายุ 19 นั้นเธอได้ทะเลาะกับตายายอย่างรุนแรงเพราะเขาไม่ชอบผู้ชายที่เธอคบอยู่ด้วยนั่นก็คือพ่อของเด็กๆเหล่านี้ แม่จึงได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ต่อมาเธอก็ได้เลิกกับผู้ชายคนนี้ แม่ไม่ได้ติดต่อตายายมาเป็นเวลา 15 ปี แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางตายายนั้นก็ได้ติดต่อกลับมาว่าพวกเขานั้นให้อภัยแล้วเรื่องนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องในอดีต ตอนนี้เขาทั้งสองอยากเจอหลานๆมาก ซึ่งตัวแม่เองนั้นก็ยังมีความดื้อไม่อยากไปเจอ แต่ทางด้านของลูกทั้งสองนั้นด้วยความที่ไม่เคยเจอตายายก็ทำให้พวกเขานั้นอยากเจอมาก แม่จึงได้เดินทางมาส่งลูกที่สถานีรถไฟไปยังที่โน้นเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ อีกสาเหตุที่ลูกๆอยากไปนั้นก็เพราะพวกเขาอยากให้แม่ได้ไปเดทกับแฟนหนุ่มคนใหม่โดยไม่มีใครมาขัดขวาง เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึง ก็พบกับตายายที่มารอรับที่สถานี เด็กทั้งสองคนดีใจมากขอเข้าไปถ่ายรูปกับตายายและแนะนำให้คนในกล้องได้รู้จักว่าตายายนั้นเป็นที่ปรึกษาของโรงพยาบาลจิตเวช เว็บดูหนัง

รีวิว the visit

รีวิว the visit รีวิวหนังผี

หวนกลับมาจับงานกำกับหนังฟอร์มเล็กอีกครั้งกับภาพยนตร์สยองขวัญที่ทำเอาสะดุ้งโหยง เก้าอี้เด้งแรงอย่าง The Visit ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานสุดสะพรึงของ เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเขาได้อย่างชัดเจน หนังค่อยๆพาคนดูไปลุ้นลิ้มรสกับความน่ากลัวและความประหลาดของตายายทีละนิด กระตุกขวัญเป็นระยะและหนักข้อขึ้น โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเรื่องที่ด้านมืดถูกเปิดเผย และเข้าจัดการกับชีวิตของเหล่าตัวละครได้อย่างรุนแรงและบีบหัวใจมาก จนอยากร้องกรี๊ดดังๆลั่นโรงให้รู้แล้วรู้รอดไป จะได้หายเสียวไส้ซะที!

The Visit ภาพยนตร์สยองขวัญ – ระทึกขวัญว่าด้วยการเดินทางไปเยี่ยมคุณตาและคุณยายของ เบ็คก้า หลานสาวผู้ฝันอยากเป็นผู้กำกับหนัง และ ไทเลอร์ หลานชายผู้อยากเป็นแร็ปเปอร์ ณ หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในเพนซิลวาเนีย ฟังดูเผินๆ ก็เหมือนการไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างเมืองธรรมดา ทว่าการเดินทางครั้งนี้กลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นฝันร้ายและเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงอย่างช้าๆ เมื่อคุณตาและคุณยายที่ดูน่ารัก กลับเปลี่ยนไปและไม่เหมือนเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงกำหนดวันกลับบ้าน ความจริงสุดสยองที่ถูกเก็บงำไว้ของครอบครัวนี้ก็ถูกเปิดเผยขึ้น!

เมื่อเดินทางไปถึงบ้านตายายก็ต้อนรับหลานเป็นอย่างดี ตาก็เดินเข้ามาบอกว่าดีใจมากที่หลานๆมาอยู่ด้วย และเตือนอีกว่าไม่ให้ลงไปห้องใต้ดินเพราะเชื้อรามันเยอะกลัวหลานจะไม่สบาย ที่สำคัญคือตายายนอนกัน 3 ทุ่ม แต่เบคก้านั้นรู้สึกอยากกินคุกกี้ของคุณยายขึ้นมาในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง เธอจึงได้เดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อจะไปหยิบคุกกี้มากินแต่แล้วเธอก็ได้พบกับความประหลาดเมื่อยาย เบคก้าตกใจมากรีบวิ่งเข้าห้องไป หลังจากนั้นเขาทั้งสองคนก็เริ่มเจอเหตุการณ์แปลกๆขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็พยายามทำตัวปกติ ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยกับบ้านหลังนี้ ตาที่เคยมองว่าน่ารักกลับมีนิสัยใช้ความรุนแรง ยายที่ดูใจดีกลับมีอาการแปลกๆในตอนกลางคืน พวกเขาจึงแอบตั้งกล้องถ่ายวีดีโอเอาไว้เพื่อมาดูในตอนเช้า และนั่นก็ทำให้รู้สึกขนลุกยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่ายายพยายามที่จะเข้ามาฆ่าพวกเขาภายในห้อง เด็กทั้งสองจึงตัดสินใจโทรไปบอกแม่ เมื่อแม่เห็นหน้าตากับยายก็ตกใจอย่างมาก เพราะนั่นไม่ใช่ตายายของลูกๆ แล้วตายายที่แท้จริงเขาอยู่ที่ไหน สองคนนี้เป็นใคร แล้วเด็กทั้งสองจะเอาชีวิตรอดจากบ้านหลังนี้ไปได้หรือไม่ ลองไปติดตามกันใน The visit เว็บดูหนังฟรี

รีวิว the visit

รีวิว the visit ข้อห้ามคุณย่า ฝ่าฝืนระวังตาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะบอกว่า The Visit นั้นไม่ได้เลวร้าย แต่เราก็ไม่ได้ชื่นชมว่ามันเป็นหนังดีหรือหนังสนุก เรื่องราวไม่มีอะไรมาก การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ย่ำอยู่กับที่ ระหว่างทางไม่ได้หลอนหรือน่ากลัวอะไรมากมาย แต่ก็พอมีบรรยากาศหรือปมชวนสงสัยให้คิดตามอยู่บ้าง จึงไม่ถึงกับน่าเบื่อมาก (แต่ก็น่าเบื่อบางช่วงอยู่ดี) และช่วงองก์สุดท้ายพีคหน่อย เพราะมีพล็อตทวิสต์เช่นเดียวกับ The Sixth Sense แต่ก็ไม่ใช่การหักมุมที่เดายากหรือน่าเซอร์ไพรส์เท่าไหร่

 ดูหนังฟรี นอกจากนี้ ถ้าใครคิดจะไปดู ต้องทำใจล่วงหน้าก่อนว่าหนังเขาใช้เทคนิคการถ่ายภาพแบบ found footage หรือ handheld (ซึ่งเราคิดว่าแอบ fail นิดหน่อย) นั่นแปลว่า เราจะต้องทนเวียนหัวกับการสั่นสะเทือนจากการถือกล้องวิ่งไปวิ่งมาของเด็กๆ ในเรื่อง แต่ยังดีที่ส่วนใหญ่เด็กๆ เขาตั้งกล้องวางกับโต๊ะหรือตู้มากกว่าถ่ายเดินไปเดินมา ก็เลยไม่ได้ทำให้ปวดหัวมากอย่างหนัง found footage หลายเรื่องที่เคยดู เช่น Cloverfield

เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ผู้กำกับและมือเขียนบทของ The Visit นั้นยังคงเล่าเรื่องราวสยองขวัญได้อย่างน่าสนใจเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการวางพล็อตตั้งแต่ต้นจนจบที่มีการเร่งระดับของการคลี่คลาย พร้อมกับใส่ความน่ากลัวแบบทั้งตุ้งแช่และความสยองฉบับขนหัวลุกเอาไว้เพียบ หรือจะเป็นการวางบทสนทนาและการสร้างตัวละครที่อาศัยความชื่นชอบของตัวละครเป็นตัวนำในการพาไปค้นความสยอง ซึ่งในที่นี้ก็คือ เบ็คก้า สาวน้อยผู้รักการกำกับหนังและการถ่ายทำเรื่องราวต่างๆ ชยามาลาน อาศัยตัวละครตัวนี้ร่วมกับ ไทเลอร์ น้องชายของเธอในการเล่าเรื่องผ่านการถ่ายทำสารคดี ซึ่งทำให้ The Visit สามารถถ่ายทอดความประหลาดและความขนหัวลุกของตายายได้อย่างสมจริงเอามากๆ และการอาศัยสารคดีที่ 2 ตัวละครนี้ถ่ายทำมาเล่าเรื่องราวนั้น ยังทำให้คนดูแทนตัวเองเข้าไปเป็นหนึ่งในตัวละคร ร่วมสำรวจและอินเข้าไปกับบทที่ถูกวางไว้เป็นกับดัก หลอกคนดูอย่างช้าๆตามสไตล์หนังของ ชยามาลาน นั่นเอง

รีวิว the visit

การกลับมาครั้งล่าสุดของ เอ็ม ไนท์. ชยามาลาน ที่เสียงตอบรับจากขาประจำค่อนข้างบวก รอบนี้ ชยามาลาน ควักกระเป๋าตัวเอง 5 ล้านมาลงทุนสร้างเอง เป็นหนังที่ใช้ต้นทุนสร้างต่ำที่สุดในประวัติการทำงานของเขา เข้าฉายมาตั้งแต่ต้นกันยายน ถึงตอนนี้ทำกำไรไปแบบยิ้มกว้างเลย รายได้ทั่วโลกทำไปแล้วถึง 89 ล้านเหรียญ หนังยังคงสไตล์ลึกลับเขย่าขวัญแนวถนัดของขา เบคก้าวัย 15 กับไทเลอร์วัย 13 ไปเยี่ยมตายายที่ไม่เคยเจอหน้าเลยตั้งแต่เกิด แล้วก็เริ่มพบว่าตายายมีพฤติกรรมแปลกๆชวนขนลุกในตอนกลางคืน

การไปเยี่ยมตายายช่วงสุดสัปดาห์ กลายเป็นเรื่องสยอง

ความสนุกอยู่ที่ปริศนาของหนังที่บรรจงหยอดเข้ามาผ่านพฤติกรรมประหลาดๆ ของตายายให้ชวนคิดสงสัยไปต่างๆ นาๆ ว่าตายายเป็นอะไรกัน หนังมีบรรยากาศให้ชวนลุ้นได้บ่อยๆ ตามแนวหนังสยองขวัญและหลายช็อตที่ตุ้งแช่มาแล้วสะดุ้งได้จริง จุดที่ไม่ชอบคือบทเฉลยที่เป็นช่องโหว่ใหญ่ยังไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควรนัก หนังสั้นแค่ 90 นาทีแต่ตอบสนองคอหนังสยองขวัญได้ในระดับน่าพึงพอใจ อยากดุ้งได้ดุ้ง เป็นความสามารถที่สมควรได้รับคำชื่นชมกับผู้กำกับมากประสบการณ์ในสร้างบรรยากาศชวนลุ้นได้โดยไม่ต้องมีอสุรกายน่ากลัว เลือด และเสียงดังๆ แต่ถ้าดูจอเล็กอรรถรสเหล่านี้จะลดลงไปเยอะนะ

The Visit ล้อเลียนการนำเสนอแบบสารคดี โดยใช้การถ่ายทำในลักษณะของ Hand-Held Camera ที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความปั่นป่วนและการถูกคุกคาม และการตั้งกล้องตั้งใจ (แอบ) ถ่ายที่เข้ากันได้ดีกับการเป็นหนังสยองขวัญ และการถ่ายทำทั้งหมดนั้นยังแนบเนียนไปกับความตั้งใจของตัวละครที่อยากมาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวด้วย ซึ่งจุดนี้ต้องขอชื่นชมในความสร้างสรรค์ เพราะมันสามารถสร้างบรรยากาศของ “ความไม่น่าไว้วางใจ” ให้เกิดขึ้นอบอวลตลอดเวลาที่อยู่บ้านตายายได้อย่างเต็มเปี่ยม และจะเห็นได้ว่ายิ่งสถานการณ์ยิ่งน่าสะพรึงขึ้นเท่าไรและเวลาใกล้หมดลงเท่าไร ความเป็นสารคดีที่ตัวละครตั้งใจถ่ายทอดความจริงก็ยิ่งลดน้อยลง จนสุดท้ายก็คือ ช่างมันเถอะ! ซึ่งเป็นการล้อเลียนถึงการถ่ายทำหนังสารคดีที่เน้น ”ความจริง” ด้วย

รีวิว the visit

แต่สารภาพอย่างหนึ่งครับว่าในใจแอบอยากจะให้หนังไม่เป็น Found Footage ยังไงไม่รู้ คือผมนึกถึงสไตล์เรื่องราวหนังลึกลับแบบพี่มาโนชอย่างพวก The SIxth Sense หรือ Unbreakable ที่บางฉากมันจะน่าจดจำมากๆ เพราะพี่แกสามารถประดิษฐ์ฉากที่ว่าให้ออกมาดูนิ่ง หลอน และไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งผมว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังสมัยก่อนของพี่มาโนชเขาน่ะนะครับ แม้ฉากมันจะดูสร้างดูเป็นฉาก แต่มันก็แฝงความสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือมันได้อารมณ์ บางซีนเหมือนหนังสยองผสมเทพนิยาย บางซีนให้อารมณ์เหนือจริง ฯลฯ อะไรแบบนั้นเป็นต้น ดูหนังออนไลน์

ข้อดี
นักแสดงทุกคนทำได้ดี โอลิเวีย เดอจอนจ์, เอ็ด อ็อกเซนบูล์ด, แคธริน ฮานน์, ดีนนา ดูนาแกน และปีเตอร์ แม็คร็อบบี้ ไม่มีใครขี้เหร่ในฝีมือการแสดง ส่วนตัวคิดว่าตา ยายทำได้ดีมาก รู้สึกหลอนและกลัวไปกับความเพี้ยนของสอง ตายาย  หนังเรื่องนี้เป็นแบบ Found Footage ซึ่งส่วนตัวเบื่อหนังแนวนี้มาก แต่คิดว่าทำได้ค่อนข้างดี น้อยครั้งมากที่รู้สึกรำคาญกับการถ่ายทำแบบนี้ และไม่รู้สึกเวียนหัวทำไหร่กับ handheld cam  (ส่วนตัวชอบที่หนังรุนแรงกับเด็กพอสมควร อยู่ในระดับพอดีและมีเหตุผลพอที่ไม่ทำให้ขัดใจ )
ข้อเสีย
หนังน่ากลัวไม่สุด บางจังหวะที่น่าจะปล่อยให้อารมณ์หลอนกว่านี้ แต่หลานชายกลับทำให้ฮาซะงั้น ส่วนตัวไม่คิดว่ามันทำให้หนังแย่ แต่คิดว่าบางคนอาจไม่ถูกใจ เพราะอารมณ์ไม่พีค และอีกอย่างก็คือ
หนังเรื่องนี้ไม่น่าเป็น Found Footage คิดว่าถ้าถ่ายแบบปกติหนังน่าจะดีกว่านี้อีก และสุดท้ายคือ คิดว่าคนน่าจะพอเดาตอนจบออก