รีวิว Unfriended

รีวิวหนัง Unfriended: Dark Web (2018)

เราคงไม่อาจจะปฏิเสธว่าสิ่งที่ทำให้หนังสยองขวัญอย่าง Unfriended กลายเป็นหนังที่น่าสนใจขึ้นมา เพราะหนังเลือกใช้ “เฟรม” ภาพที่เกิดขึ้นในหน้าจอคอมพิวเตอร์แต่เพียงอย่างเดียว ตัวละครทั้งหมดในเรื่องสื่อสารกันผ่านกล้องที่ติดไว้ที่หน้าจอ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะนั่งอยู่ในแค่เพียงห้องของตัวเองเท่านั้น รีวิว Unfriended รีวิวหนังผี

และมันยิ่งทวีความน่าสนใจและ “เข้าถึง” บรรดาวัยรุ่นในยุคนี้เนื่องจากมันหยิบเอาเรื่องราวของโซเชียลมีเดีย ที่สร้างผลกระทบในแง่ลบให้กับชีวิตมนุษย์มาบอกเล่าในแง่ของความน่ากลัว (แบบเหนือจริง) จึงยิ่งทำให้หนังทวีความน่าสนใจขึ้นไปอีก

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในค่ำคืนที่แสนธรรมดาเมื่อ แบลร์ (เชลลี่ย์ เฮนนิก) และแฟนหนุ่มของเธอ มิทช์ (โมเสส สตอร์ม) เริ่มต้นแชทกันผ่านวิดีโอ ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเพื่อนๆ อันได้แก่ เจสส์ (เรเน โอลสเตด), อดัม (วิลล์ เพลท์ซ), เคน (เจค็อบ วิสอ็อคกี) และวัล (คอร์ตนี่ย์ อัลเวอร์) ซึ่งพวกเขาพร้อมที่จะแชทกันเป็นกลุ่ม ดูหนัง

ก่อนหน้านั้นกลุ่มพวกเขาได้รับยูสเซอร์ที่รู้จักแค่ชื่อที่ใช้ในการแชตว่า “บิลลี่227” พวกเขาคิดว่าคงเป็นแค่ข้อผิดพลาดทางเทคนิค และพวกเขาก็คุยกันต่อไป จนกระทั่งบิลลี่เริ่มพิมพ์ข้อความ สิ่งที่ติดตามมา กลับกลายเป็นฝันร้ายที่โหดที่สุดของพวกเขา ดูหนังออนไลน์

เมื่อแบลร์เริ่มได้รับข้อความทางเฟซบุ้คและได้รับอีเมลจากใครบางคนหรืออะไรสักอย่างที่อ้างตัวว่าเป็น ลอร่า บาร์นส์ (เฮทเธอร์ ซอสซาแมน) เด็กสาวที่ฆ่าตัวตายไปเมื่อหนึ่งปีพอดิบพอดี เธอพยายามหาตัวคนที่บุกเข้ามาในกลุ่มแชตของพวกเธอ

ขณะเดียวกัน เกมของบิลลี่บีบให้เพื่อนๆ กลุ่มนี้ต้องเผชิญกับความลับและคำโกหกของพวกเขา ถ้าพวกเขาหาได้ว่าใครโพสต์คลิปภาพน่าอับอายของลอร่า ที่นำไปสู่การตายของเธอ เหตุการณ์ประหลาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อ บิลลี่227 ต้องการเล่นเกมสุดสยองที่ทดสอบมิตรภาพของเพื่อนกลุ่มนี้โดยการให้พวกเขาพูดความจริงขึ้นมา และใครก็ตามที่ลองดีหรือแพ้เกมก็มีอันต้องพบกับจุดจบสุดสยอง ดูหนังฟรี

รีวิว Unfriended อันเฟรนด์ | โซเชียลสยองขวัญ • PatSonic

อันที่จริงจุดศูนย์กลางของภาพทั้งหมด ผู้ชมได้รับรู้ผ่านหน้ากล้องของตัวละครแบลร์ ซึ่งหนังก็ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมตอบสนองต่างๆของตัวละครนี้แทนคำพูด ไม่ว่าจะเป็นทั้งการที่ตัวละครครุ่นคิดอะไรบางอย่างและผู้ชมก็ทำให้เหมือนกับว่าเป็นตัวละครเดียวกับแบลร์

พฤติกรรมที่ว่าได้แก่การที่ตัวละครหยุดพิมพ์ตัวอักษร, พิมพ์ข้อความไปและตัดสินใจลบทิ้ง (ซึ่งทำให้เราได้ทราบความจริงบางอย่างที่ตัวละครอื่นไม่รู้) การเลื่อนเมาส์อย่างรุนแรงหรือการกระหน่ำคลิ๊กที่หน้าจอเพื่อให้มันแสดงผลออกมา เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้ “แทน” อารมณ์ที่เราไม่อาจจะมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของตัวละครในช่วงจังหวะที่เธอปิดกล้องสไกป์ลง

ยิ่งไปกว่านั้นหนังยังใช้จังหวะหลายอย่างของคอมพิวเตอร์ในการ “เร้าอารมณ์ผู้ชม” ไม่ว่าจะเป็นการที่อินเตอร์เนตมีปัญหา หรือการที่โปรแกรมโหลดภาพหน้าจอ(การหมุนวนที่แสดงว่าระบบกำลังโหลดภาพอยู่) ทำให้ผู้ชมหวาดกลัวกับภาพที่อาจจะปรากฏขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ หรือแม้กระทั่งหน้าจอของตัวละครบางคนที่ “ว่างเปล่า” และไม่รู้ว่าจังหวะไหนที่หนังจะจู่โจมคนดูไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียงที่ชวนตกใจ เว็บดูหนัง

อันที่จริงตัวหนังเดินเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังฆาตกรโรคจิตทุกประการ บรรดาตัวละครในเรื่องก็ดูเหมือนจะถูกออกแบบและวางตำแหน่งไว้เช่นนั้น และมันทำให้คนดูคาดเดาได้เลยว่าตัวละครรายใดจะกลายเป็นเหยื่อรายแรกและรายสุดท้าย

อย่างไรก็ตามทีเด็ดของหนังอยู่ที่วิธีการเล่าเรื่องที่เอาคนดูอยู่หมัด และเป็นการเพิ่ม “รสชาติ” ในการดูหนังสยองขวัญแบบใหม่ที่เราไม่เคยได้ชมมาก่อน แต่อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าฉากสุดท้ายของหนัง ตัวผู้กำกับอย่าง ลีแวน (ลีโอ) แกเบรียดซี เลือกจะให้บทสรุปกับตัวละครลอร่า บาร์นส์เป็นแบบในหนัง (ขอไม่สปอยล์) ซึ่งจริงๆแล้วถ้าหนังทิ้งความคลุมเครือเอาไว้จะยิ่งเพิ่ม “เสน่ห์” ให้กับตัวหนังมากขึ้นไปอีก

เมื่อเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งได้จากโลกนี้ไปด้วยการฆ่าตัวตายจากความอับอายที่คลิปหลุดไปเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้า และในวันครบรอบนั้น ได้มีบุคคลไม่ทราบตัวตนปรากฏขึ้นในระหว่างการคุยสไกป์ของเพื่อนๆ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสยอง….ผ่านหน้าจอ

ทุกอย่างที่คุณจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ จึงมีแค่หน้าจอคอมพ์

เหมือนคือตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนๆ ที่กำลังแชทอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ แต่ปรากฏพบว่ามีบุคคลน่าสงสัยไม่เปิดเผยตัวว่าใครเข้ามาร่วมกลุ่มสนทนาด้วย ก่อนที่จะพวกเขาจะต้องผวาเมื่อพบว่า คนที่เข้ามาเล่นด้วยไม่ใช่คน แต่เป็นเพื่อนของพวกเขาที่ตายไปนั่นเอง พวกเขากำลังโดนเอาคืนจากผีที่ใช้เทคโนโลยีและโซเชียลเพื่อเล่นเกมจิตวิทยากับเพื่อนๆ ทุกคน

ความลับของพวกเขากำลังถูกเปิดเผย แต่ดูเหมือนว่า ผีจะเป็นผู้รู้เรื่องราวของเพื่อนได้ดีที่สุดในกลุ่ม ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกำลังสั่นคลอน พร้อมกับจิตใจที่กำลังสั่นผวา ทุกวินาทีอาจหมายถึงชีวิต และพวกเขาจะตัดสินใจเช่นไรกัน?

มันคือไอเดียสุดบรรเจิดที่นำเอาไลฟ์สไตล์ชีวิตของวัยรุ่นยุคใหม่มาสร้างเป็นพล็อตสยองขวัญสั่นประสาท ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ค่อยเปลี่ยนไปเพื่อไม่น่าเกิดความน่าเบื่อ รูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างทำให้ ‘Unfriended’ เล่าเรื่องชวนลุ้นได้พอประมาณ หาวิธีการเดินเรื่องให้ต่างกันไป แต่ตัวละครด้นสดพูดกันมากเกิน

ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าเราจะโซเชียลมีเดีย ที่ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีพื้นที่ส่วนตัวแห่งใหม่ ที่ใครจะทำอะไรก็ได้ไม่สนใจว่าจะทำให้เดือดร้อนคนอื่น แต่ในโลกจริงๆ หลายคนก็ยังคงมีความลับและปิดบังต่อกันอยู่ และคงไม่มีใครเปิดโปงเรื่องพวกนี้ได้ถ้าพวกเขาไม่รู้ และไม่มีเจตน์จำนงจะบอกคนอื่น หากแต่คราวนี้ ดูเหมือนเพื่อนเก่าที่ตายไปจะตามกลับมาเปิดโปงพวกเขาทุกคน

หนังค่อนข้างมีการนำเสนอที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ทว่ามันก็ยังเป็นหนังที่ให้คนดูมานั่งดูภาพบนจอคอมพ์ที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรับชมบนจอภาพยนตร์ แม้เรื่องราวจะน่าสะพรึงและตื่นเต้นว่าใครจะเป็นรายต่อไป แต่ความที่ภาพมันนิ่งอยู่เช่นนั้น และมีความเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเล็กๆ ถึงจะมีเสียงที่เข้ามาช่วยดึงในคนระทึกหรือตกใจบ้าง แต่ก็กลับไม่ได้มีผลอะไรต่อความรู้สึกของเรามากนัก สุดท้าย ก็เลยได้พบว่านักแสดงเหล่านั้นพากันแย่งพูดกึ่งๆ ด้นสดจนดูโหวกเหวกกันไป

ว่าด้วยเรื่องราวของมาไทอัส หนุ่มวัยรุ่นที่ดันไปเจอคอมพิวเตอร์ laptop ในร้านอาหารแห่งหนึ่งเขาได้ถือวิสาสะนํา แล็ปท็อป นั้นมาใช้ ร้านเนื่องจากที่เป็น แล็ปท็อป ที่มีศักยภาพสูงเขาจึงไม่นำไปคืนเจ้าของ เขาดีใจมากจึงได้ติดต่อแฟนสาวของเขาที่หูหนวกเพื่อจะนำเสนอว่าแล็ปท็อปเครื่องนี้มีรอบการประมวลผลที่ดีสามารถแปลภาษามือได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ทั้งสองคนเข้าใจกันมากขึ้น ระหว่างนั้นมาไทอัสก็ได้ทำการติดต่อกลุ่มเพื่อนอีก 4 คน

เพื่อสนทนากันใน Skype เป็นไปตามปกติวิสัย แต่ระหว่างคุยมาไทอัสก็ได้ ทำการค้นดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่ได้มาว่ามีอะไรบ้าง แล้วก็พบว่ามีไฟล์ขนาดใหญ่ซ่อนเข้ารหัสเอาไว้อยู่ เมื่อเปิดมาก็พบว่าทั้งหมดนั้นคือไฟล์วีดีโอเกี่ยวกับการทารุณกรรมผู้คนจำนวนมาก เขาจึงเปิดไฟล์อยู่นั้นให้เพื่อนอีก 4 คนได้ดูด้วย แต่แล้วเจ้าของแล็ปท็อปที่ใช้ชื่อว่า Charon IV ก็ติดต่อเขาเข้ามาทางโปรแกรมแชทว่าให้รีบนำเครื่องไปคืน โดยที่ทาง Charon IVได้จับตัวเพื่อนสาวคนหนึ่งจองมาไทอัสไว้เป็นตัวประกัน

พร้อมกับบอกอีกว่าหากนำเรื่องนี้ไปแจ้งตำรวจหรือบอกเพื่อนทั้ง 4 คนที่กำลังสนทนาด้วย หญิงสาวคนนั้นจะต้องตาย เมื่อมาไทอัสอ่านจบก็หาทางแก้ไข แต่วิธีที่มาไทอัสเลือกนั้นกลับเป็นการโอนเงินกว่า 10 ล้าน us. ที่อยู่ในบัญชีของ Charon IV เข้าบัญชีตัวเอง พร้อมกับบอกว่าจะนำแล็ปท็อปไปคืนให้แต่ต้องได้ตัวเพื่อนสาวกลับมาอย่างปลอดภัยจากนั้นเขาจะโอนเงินทั้งหมดกลับคืนไป และแน่นอนว่า Charon IV นั่นไม่ธรรมดาแน่

เพราะยังมีบุคคลที่อยู่เบื้องหลังที่สามารถเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้คอยควบคุมอีกครั้งหนึ่งทั้งหมดรวมกันอยู่ใน dark web ที่ชื่อว่า river ดังนั้น Charon IV และกลุ่มใน dark web จึงทำการสั่งสอนมาไทอัสโดยเจาะเข้าไปในระบบทุกอย่างของเพื่อน ๆ ของมาไทอัส และทำให้เพื่อนของเขาตายไปทีละคน มาไทอัสจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร เขาจะช่วยชีวิตเพื่อนแต่ละคนได้หรือไม่ สามารถติดตามชมได้ทาง netflix ครับ

หนังเป็นหนังที่มีวิธีการนำเสนอที่น่าสนใจ ถึงแม้เราจะเห็นวิธีการนำเสนอภาพผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์มาแล้วในหนังสืบสวนสอบสวนระทึกขวัญเช่น Unfriended (2014) ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่สนทนาผ่านโปรแกรม Social Media ซึ่งแต่ละคนได้ทำการ Unfriended เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง และเพื่อนคนนั้นก็มาแก้แค้นในภาพหลัง และเรื่อง Searching (2018) เสิร์ชหาสูญหาย ที่เล่าเรื่องราวของพ่อผู้ตามหาลูกสาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยหาจากทางอินเตอร์เน็ต

ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้นมีวิธีการนำเสนอที่ค่อนข้างดี น่าสนใจ ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ความชื่นชมและรายได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลกับประสบการณ์ของตนโดยตรงเหมือนกับเรานั่งดูเรื่องราวผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์มันทำให้เราใกล้ชิดเหตุการณ์นั้นมากขึ้น แล้วมันมีศิลปะบางอย่างของหนังแนวนี้ที่ไม่สามารถทำได้ในภาพยนตร์ที่มีประสบการณ์เล่าเรื่องแบบดั้งเดิมทั่วไป ดังนั้น Unfriended: Dark Web จึงไม่มีอะไรใหม่ในแง่การนำเสนอนัก แต่สิ่งที่ดีงามคือการใส่เนื้อเรื่องเข้าไปให้มีน้ำหนักมากขึ้นคือ… เว็บดูหนังฟรี

การสร้างความกดดันให้กับตัวละครมาไทอัส วัยรุ่นที่ดันไปเอาเครื่อง แล็ปท็อปของคนอื่นมาใช้เป็นของตัวเอง แล้วดันเข้าไปวุ่นวายไฟว์ในเครื่องจนดึกคนรอบข้างเข้ามาพัวพัน จุดนี้หนังให้ดูแล้วรู้สึกเอาใจช่วยมาไทอัสเป็นอย่างมาก พร้อมกับมีวิธีสร้างความกดดันโดยการใช้ภาพจากกล้อง web cam ก็นำเสนอได้ดี หนัง มีความสนุกอยู่ในตัวเองโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องนำดาราเบอร์ใหญ่มาใช้ดำเนินเรื่องเลย เพียงแค่บทดีงาม ก็ทำให้เราอยู่กับเรื่องได้สบาย

รีวิว Unfriended

หนังนำเสนอด้านมืดของโลกอินเตอร์เน็ตได้ดีเช่น เรื่องการสื่อสาร ต่อให้เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปมากแค่ไหนก็ตามแต่การสื่อสารของคนนั้นมีมากกว่าการพิมพ์ข้อความ การพูด การฟัง หรือการส่งสัญลักษณ์ ที่จะให้ให้เกิดความเข้าใจอันลึกซึ้ง เรื่องของการทิ้งร่องรอยบางอย่างในโลกอินเทอร์เน็ตเช่นคำพูดข้อความ

การโพสต์บางสิ่งบางอย่างรวมถึงคลิปวีดีโอนั้น มันก็เปรียบเสมือนหลักฐานการใช้ชีวิตของคนเรา ซึ่งหาเป็นเรื่องที่ไม่ดี หรือหาก ใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดีก็สามารถนำสิ่งนั้นมาใช้ทำลายเราได้เช่นกัน ประเด็นการตัดสินคนกัยการกระทำบางอย่างในโลกของอินเตอร์เน็ต และประเด็นที่ชัดที่สุดคือเรื่องของ dark web คือเว็บไซต์มืดที่อยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ไม่สามารถแกะรอยได้ ในกรณีของหนังคือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการนิยมความรุนแรง

การสั่งให้ใครก็ได้ให้กระทำผิด หรือแ ม้แต่การฆ่าคนอย่างทารุณให้สมาชิกในเวปไซต์ได้เสพกัน ซึ่งหากจะมองให้ลึกลงไปแล้วก็สามารถอธิบายได้ว่า ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่มีความดีงามก็ดีด้านมืดของมันอยู่เสมอ อย่างเช่นโลกของอินเทอร์เน็ตและจะมี ประโยชน์ในด้านการสื่อสาร หรือการช่วยให้ชีวิตของมนุษย์มีความสงบเรียบง่ายมากขึ้นแต่ก็มีด้านมืดคือสามารถใช้ทำลายล้างได้เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นหนังยังใช้จังหวะหลายอย่างของคอ มพิวเตอร์ใน การ “เร้าอารมณ์ผู้ชม” ไม่ว่าจะเป็นการที่อินเตอร์เนตมีปัญหา หรือการที่โปรแกรมโหลดภาพหน้าจอ(การหมุนวนที่แสดงว่าระบบกำลังโหลดภ าพอยู่ ) ทำให้ผู้ชมหวาดกลัวกับ ภาพที่อาจจ ะปรากฏขึ้นเมื่อ ไหร่ก็ได้ หรือแม้กระ ทั่งหน้าจอของตัว ละครบางคนที่ “ว่างเปล่า” และไม่รู้ว่าจังหวะไหนที่หนังจะจู่โจมคนดูไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียงที่ชวนตกใจ

อันที่จริงตัวหนังเดินเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังฆาตกรโรคจิตทุกประการ บรรดาตัวละครในเรื่องก็ดูเหมือนจะถูกออกแบบและวางตำแหน่งไว้เช่นนั้น และมันทำให้คนดูคาดเดาได้เลยว่าตัวละครรายใดจะกลายเป็นเหยื่อรายแรกและรายสุดท้าย