รีวิว Mirage (2018) หากใครได้ดูผลงานก่อนของผู้กำกับ ชาวสเปน Oriol Paulo เรื่อง The Invisible Guest ใน Netflix มาแล้วชอบ ขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้ Mirage ภาพลวงตา ที่เป็นหนึ่งในอีกหนังคุณภาพของผู้กำกับคนนี้ 

สำหรับ Mirage ภาพลวงตา เป็นหนังดราม่าทริลเลอร์ปี 2018 เกี่ยวกับ เบร่า คุณแม่ที่เผอิญช่วยชีวิตเด็กหนุ่มชื่อ นิโก้ ผู้เสียชีวิตเมื่อ 25 ปีก่อนในค่ำคืนที่เกิดพายุไฟฟ้า แต่แล้ววันต่อมา เธอกลับพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่ลูกสาวของเธอไม่มีตัวตนอีกต่อไป ดูหนังออนไลน์ฟรี

ดูเหมือนเป็นพล็อตหนังที่ คล้าย ๆ กับหนังหรือ Series หลาย ๆ เรื่องของ Netflix ที่มักจะเล่นกับเรื่องเวลา ย้อนอดีต หรือ ก้าวผ่านไปยังอนาคต ซึ่งหลาย ๆ เรื่องทั้งหนังและ Series ของ Netflix นั้นทำได้น่าสนใจมาก ๆ ที่ผมติดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ Dark Series จากเยอรมัน ที่เป็นหนังแนว ๆ นี้

“We can’t control everything that might happen.” 
“เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้” 

รีวิว Mirage(2018)

รีวิว Mirage (2018) เนื้อเรื่อง

หนังเริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ในค่ำคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 1989 (วันเดียวกับที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย) เกิดพายุไฟฟ้าครอบคลุมหลายบริเวณในยุโรป ส่งผลให้ฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมคาดคะเนว่าประจุไฟฟ้าจำนวนมากในอากาศอาจทำให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ รวมทั้งส่งผลให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เกิดอาการรวน 

ในค่ำคืนดังกล่าว เด็กชายชื่อนิโก ต่อสายกล้องถ่ายวิดีโอเข้ากับจอโทรทัศน์เพื่อบันทึกคลิปตนเองเล่นกีตาร์ร้องเพลง แล้วก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งจากบ้านฝั่งตรงข้าม จึงมองผ่านบานหน้าต่าง เห็นคนกำลังต่อสู้ลงไม้ลงมือ 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นิโกจึงออกจากบ้านข้ามถนนตรงไปยังที่เกิดเหตุ แล้วก็พบศพหญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ยังไม่ทันที่นิโกจะหายตระหนกตกใจหรือมีเวลาพอจะคิดอ่านว่าควรทำอย่างไร ชายคนหนึ่งก็เดินลงมาจากบันได ในมือถือมีด 

อารามตกใจและหวาดกลัว นิโกวิ่งหนีไม่คิดชีวิต และขณะกำลังข้ามถนน รถยนต์คันหนึ่งที่ขับมาด้วยความเร็วก็พุ่งชนเด็กชายจนถึงแก่ความตาย 

25 ปีต่อมา (ปี 2014) ครอบครัวหนึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดิมของนิโก ประกอบไปด้วยเบรา รอย หญิงสาวอาชีพพยาบาล ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเรียนแพทย์ รวมรีวิวหนังสยองขวัญ

มีแนวโน้มว่าจะเป็นหมอผ่าตัดที่เก่งกาจ แต่เบราก็เลือกละทิ้งอนาคตอันสดใสเมื่อเธอตั้งท้องและสามีตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนครอบครัว คนต่อมาคือ ดาบิดผู้เป็นสามี และโกลเรีย ลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังน่ารัก 

เรื่องมา ‘เป็นเรื่อง’ ในวันที่ 2 ที่ครอบครัวย้ายเข้ามา ค่ำคืนนั้นตรงกับวันที่ 9 พฤศจิกายน เกิดพายุไฟฟ้าลักษณะเดียวกันกับเมื่อ 25 ปีก่อน เบราพบกล้องถ่ายวิดีโอ โทรทัศน์ และม้วนเทปจำนวนหนึ่งในตู้เก็บของ จึงลองเปิดดู เป็นคลิปที่นิโกกำลังร้องเพลง Time After Time ของซินดี ลอเปอร์ 

สิ่งผิดปกติก็คือหลังจากดูคลิปจบ หยิบเทปออกจากกล้อง จอโทรทัศน์เป็นภาพซ่าว่างเปล่า พลันมีภาพรายการข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์กำแพงเบอร์ลินเมื่อ 25 ปีก่อนปรากฏขึ้นเองอย่างไร้ที่มาที่ไป และไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลได้ว่าทำไม? เพราะเหตุใด? 

เบรากับดาบิดพักข้อสงสัยดังกล่าวไว้ชั่วขณะ กินอาหารมื้อค่ำร่วมกับแขกรับเชิญคือไอตอร์และแม่ 

ไอตอร์เป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวและเป็นผู้ชักนำให้สองสามีภรรยาพบกัน จนกระทั่งตกหลุมรักและแต่งงานกันในท้ายที่สุด อีกทั้งยังเป็นผู้ชักชวนให้เขากับเธอซื้อบ้านหลังนี้ รีวิวหนังระทึกขวัญ

รีวิว Mirage(2018)

บนโต๊ะอาหาร เบรากับดาบิดเล่าเรื่องข่าวประหลาดทางโทรทัศน์ให้ไอตอร์ฟัง แล้วบทสนทนาก็ย้ายมาเป็นเรื่องม้วนวิดีโอเทปที่เจอะเจอ

ไอตอร์จึงเล่าให้สองสามีภรรยาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กชาย (นิโกเสียชีวิตในเวลาไม่นานหลังจากถ่ายคลิปดังกล่าว) 

กลางดึกคืนนั้น เบราตกใจตื่น ได้ยินเสียงซ่าจากโทรทัศน์ที่เปิดขึ้นเองในอีกห้อง จึงเดินไปดูเพื่อตรวจสอบ แล้วจู่ๆ ภาพของนิโกก็ปรากฏขึ้นบนจอ โดยที่กล้องถ่ายวิดีโอว่างเปล่าปราศจากม้วนเทป 

ภาพที่เห็นคือนิโกกำลังจัดแจงต่อสายอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ สักพักเด็กชายก็มีทีท่าตกใจ จ้องมองตรงมาที่เวลา เหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งผู้ชมทราบในเวลาต่อมาว่าภาพที่เห็น (บนจอโทรทัศน์ทางฝั่งของนิโก) คือเบราในเวลาปัจจุบัน 

พูดง่ายๆ คือ เด็กชายในอดีตกับหญิงสาวในอนาคตต่างมองเห็นกันและกันผ่านโทรทัศน์ สามารถพูดคุยและได้ยินกันและกัน 

เมื่อตระหนักรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เบราตัดสินใจปิดโทรทัศน์ด้วยความกลัว แต่แล้วข้อมูลที่เธอรับรู้มาเกี่ยวกับชะตากรรมของเด็กชายก็ทำให้หญิงสาวเปลี่ยนความคิด

เธอเปิดโทรทัศน์ และตัดสินใจเตือนนิโกไม่ให้ไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งบอกเล่า 2-3 เหตุการณ์อนาคตในวันรุ่งขึ้นซึ่งเธอรับฟังมาจากไอตอร์บนโต๊ะอาหาร

เพื่อพิสูจน์ยืนยันให้นิโกเชื่อว่าเธอมีชีวิตอยู่ในอีกช่วงเวลา นิโกเชื่อ และแคล้วคลาดรอดพ้นจากอุบัติเหตุรถชน 

เช้าวันต่อมาของปี 2014 เบราตื่นนอน พบตนเองอยู่ที่โรงพยาบาล เธอกลายเป็นหมอผ่าตัดที่มีชื่อเสียง เมื่อได้เวลาโรงเรียนเลิก

เธอเดินทางไปรับตัวโกลเรียผู้เป็นลูกสาว แต่ไม่มีใครรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อเด็กหญิงมาก่อน ทุกคนที่รู้จักไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของลูกสาว ครู ผู้ปกครองเด็กคนอื่นๆ กลายเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง 

และความเปลี่ยนแปลงสุดท้าย เบราไม่ได้แต่งงานกับดาบิด บ้านหลังเดิมของนิโกที่เธอเพิ่งย้ายเข้ามากลายเป็นบ้านของดาบิดกับภรรยาของเขา ที่สำคัญคือ ในบ้านดังกล่าว ตู้เก็บของไม่มีกล้องถ่ายวิดีโอและโทรทัศน์ 

รีวิว Mirage (2018) ความรู้สึกหลังดู

ความรู้สึกตอนที่ได้ดู The Invisible Guest ก็คือตื่นเต้นมาก เป็นความสนุกตื่นเต้นจากตัวหนังที่สะกดตรึงชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบอย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือความตื่นเต้นที่ได้ค้นพบเจอะเจอหนังดีระดับ ‘มหาสนุกเป็นพิเศษ’ ชนิดนานทีปีหนจึงจะมีออกมาให้ดูกันสักเรื่อง 

เช่นเคยคือ The Invisible Guest ฮิตถล่มทลายและมีพล็อตเหนือชั้น จนได้รับการนำไปทำซ้ำเป็นฉบับหนังอิตาเลียนชื่อ Il testimone invisibile (2018) ฉบับหนังบอลลีวูดชื่อ Badla ในปี (2019) และฉบับหนังอินเดียพูดภาษาเตลูกูชื่อ Evaru (2019) 

รีวิว Mirage(2018)

Mirage หรือ Durante la tormenta ที่ผมเลือกมาแนะนำกันในครั้งนี้ เป็นผลงานลำดับที่ 3 สร้างและออกฉายเมื่อปี 2018 

ถัดจากนั้นก็เป็นผลงานชิ้นล่าสุด The Innocent หรือ El innocente มินิซีรีส์ 8 ตอนจบ ซึ่งเพิ่งจะเผยแพร่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คราวนี้ไม่ใช่การเขียนบทขึ้นใหม่เพื่อทำหนังโดยตรง แต่เป็นการดัดแปลงนิยายขายดีชื่อเรื่องเดียวกันของฮาร์ลาน โคเบน (ฉบับแปลภาษาไทยใช้ชื่อ ‘ไม่รู้’) 

รีวิว Mirage (2018 การดำเนินเรื่อง

ความฉลาดของบทหนังก็คือ ระหว่างเล่าสลับอดีตกับอนาคต หนังสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องมิติเวลา ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงการกระทำและผลสืบเนื่องติดตามมาของการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีต ซึ่งไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกทำอย่างไร ล้วนมีรายจ่ายในทางไม่พึงประสงค์ทั้งขึ้นทั้งล่อง จนกะเก็งไม่ถูกว่าหนังจะลงเอยเช่นไร 

และเมื่อหนังดำเนินเรื่องไปจนจบครบถ้วน ผมก็ได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ ว่า ‘ฉลาดมาก’ 

ตามปกติแล้ว หนังเน้นพล็อตหวือหวาลักษณะนี้ มักจะดูสนุกได้เพียงแค่รอบเดียว ไม่เหมาะสำหรับการดูซ้ำสอง เนื่องจากเมื่อทราบความลับต่างๆ หมดสิ้นแล้ว ทุกอย่างก็จืดจางลงไปถนัดใจ แต่งานของออริโอล เปาโลถือเป็นข้อยกเว้นนะครับ ดูซ้ำอีกก็ยังสนุกและเร้าใจสุดๆ  

ใกล้เคียงกับครั้งแรก ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีความพลิกผันยอกย้อนพิสดารอยู่ในปริมาณเยอะมาก เกินกว่าจะจำได้หมดจากการดูรอบเดียว หลายช่วงหลายตอนจึงยังสดใหม่เมื่อดูซ้ำ 

ประการถัดมา อีกอรรถรสที่เพิ่มพูนขึ้นมาในการดูซ้ำคือ การจับสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยอันเป็นหลุมพรางล่อหลอกคนดู หรือการปูพื้นให้ข้อมูลเล็กๆ น้อย ๆ 

 ซึ่งหลงหูหลงตาจากการดูครั้งแรก ตรงนี้ทำให้เห็นความเก่งในการเขียนบทว่าสามารถอุดรูรั่วรอยโหว่ได้เนียนสนิท บางจุดที่โกงกันดื้อๆ ก็มีวิธีให้เหตุผลอ้อมๆ สกัดกั้นไว้หมด 

รีวิว Mirage(2018)

เทียบเคียงง่ายๆ ว่า ถ้าเป็นคำให้การในศาล หลายช่วงหลายตอน (ซึ่งผมคิดว่าในเรื่อง Mirage มีเพียงน้อยนิดแค่ 2 แห่ง) 

 อาจมีพิรุธชวนสงสัย แต่คำอธิบายแก้ต่างเท่าที่มีอยู่ก็ทำให้ไม่สามารถเอาผิด ไม่สามารถจับให้มั่นคั้นให้ตาย จำต้องยกผลประโยชน์ให้จำเลยไปในท้ายที่สุด 

หนังของออริโอล เปาโล เป็นงานเน้นความบันเทิงมากกว่าจะเสนอประเด็นแง่คิดเนื้อหาสาระนะครับ แก่นเรื่องต่างๆ ยังคงมีอยู่ แต่ก็เป็นแง่มุมเบาบาง ว่ากันไปตามเนื้อผ้าหรือเรื่องราว ไม่ได้ลงลึกหรือมีความซับซ้อนอันใด เป็นแง่คิดง่ายๆ ตรงไปตรงมา ใน The Invisible  

หนังสะท้อนถึงการแก้แค้นเอาคืนและการเรียกร้องทวงถามถึงความยุติธรรมจากช่องว่างของตัวบทกฎหมาย และการทำงานของตำรวจซึ่งโดนแทรกแซงโดยผู้มีอิทธิพลและอำนาจเงิน ใน Mirage  

หนังพูดถึงทางเลือกและการตัดสินใจบนเงื่อนไขว่าได้อย่างเสียอย่าง ท้ายที่สุดตัวละครก็เลือกสิ่งที่เป็นความรักระหว่างแม่-ลูก ขณะที่อีกตัวละครหนึ่งก็เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องในกรณีเหตุการณ์ฆาตกรรม 

รีวิว Mirage (2018) ผลงานผู้กำกับของหนัง

คุณผู้อ่านโปรดจำชื่อออริโอล เปาโลไว้ให้ดีนะคะ 

เราคิดว่านี่คือหนึ่งในคนทำหนังรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากสุดคนหนึ่งของยุคนี้ 

ออริโอล เปาโล เกิดที่เมืองบาร์เซโลนา ปัจจุบันอายุ 45 ปี เรียนจบแขนงสาขา Audiovisual Communication จากมหาวิทยาลัยปอมเปอ ฟาบรา จากนั้นก็ไปเรียนต่อด้านภาพยนตร์ที่ลอส แอนเจลิส ฟิล์ม สคูล เริ่มต้นทำงานในวงการหนังเป็นคนเขียนบทเมื่อปี 2004 (ก่อนหน้านั้นเขากำกับ-เขียนบทหนังสั้นไปด้วยอยู่หลายเรื่อง แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก) 

จนกระทั่งถึงปี 2012 ออริโอล เปาโลก็แจ้งเกิดอย่างสวยงามในฐานะผู้กำกับ จากหนังตื่นเต้นระทึกขวัญเรื่อง The Body ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Goya Awards สาขาผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม แต่ความสำเร็จที่ไปไกลกว่านั้นคือ ตัวหนังถูกนำไปรีเมคหลายฉบับหลายสัญชาติ ประกอบไปด้วยหนังอินเดียพูดภาษาทมิฬ-กันนาดาใช้ชื่อว่า Game ในปี 2016 หนังเกาหลีเรื่อง The Vanished ในปี 2018 และล่าสุดเป็นฉบับหนังอินเดียพูดภาษาฮินดีเรื่อง The Body กำกับโดยจีธู โจเซฟ (คนนี้ก็น่าจับตามองมากค่ะ เป็นคนเขียนบทหนังแนวสืบสวนสอบสวนเร้าใจที่ยอดเยี่ยมมากเรื่อง Drishyam) 

รีวิว Mirage(2018)

4 ปีต่อมา (ปี 2016) The Invisible Guest หรือ Contratiempo ผลงานกำกับ-เขียนบทลำดับที่ 2 ก็ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นล้นหลาม ได้ทั้งเงินและกล่อง ทำให้ออริโอล เปาโลโด่งดังในระดับนานาชาติ รวมถึงบ้านเรา     

งานของผู้กำกับ Oriol Paulo เป็นมากกว่าความบันเทิงให้สาระแง่คิดผ่านการแสดงจากแคสติ้งที่เลือกมากลมกลืนไปกับบทคาแรกเตอร์เรื่องราวไม่มีจุดไหนรู้สึกน่าเบื่อ บทดีทำให้ได้การแสดงที่แนบเนียนไปกับเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นนางเอก Adriana Ugarte

ที่กลายเป็นหัวใจสำคัญ พาหนังไปได้ตลอดรอดฝั่ง หญิงสาวแค่ย้ายบ้านสำรวจบ้านใหม่ดันไปเจอเรื่องราวไม่คาดฝันเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ กลายเป็นว่าทำให้ได้สำรวจชีวิตเธอ ซึ่งตลอดทางเต็มไปด้วยปัญหา

ซีนดราม่าเข้าขั้นตัวแม่ของจริง Álvaro Morte หรือที่แฟนหนังคุ้นเคยจาก Money Heist ในบท The Professor กลายเป็นว่าเราได้เห็นการแสดงที่ซับซ้อนน่าดูเติมเรื่องราวให้มันเข้มข้นไปอีกขั้น

Chino Darín ตัวละครปริศนาในสายตานางเอกที่ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามาดีมาร้ายมิตรแท้หรือคนที่จ้องจะทำร้ายกันแน่ เป็นการแสดงที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากๆ 

รีวิว Mirage (2018) จุดเด่นของหนัง

จุดเด่นในหนังของออริโอล เปาโลที่มีร่วมกันทุกเรื่องคือเป็นหนังตื่นเต้นระทึกขวัญที่สนุกชวนลุ้นใจหายใจคว่ำตั้งแต่ต้นจนหยดสุดท้าย 

ถัดมาคือการคิดพล็อตได้อย่างชาญฉลาด เต็มไปด้วยความยอกย้อนซ่อนเงื่อน พลิกผันไปมาตลอดเวลา อุดมไปด้วยความลับและการเฉลยคลี่คลายเร่งเร้าให้ชวนติดตามด้วยความกระหายใคร่รู้ตลอดเวลา

มีการพลิกผันหักมุมล่อหลอกคนดูที่ยอดเยี่ยมระดับขั้นเดียวกันกับ The Sixth Sense ของเอ็ม ไนท์ ชมาลายาน (เป็นความเหมือนหรือคลับคล้ายกันในแง่ของการช็อกคนดูนะครับ ส่วนรายละเอียด กรรมวิธีของการหักมุม ผิดแผกแตกต่างกันอยู่เยอะ) 

พูดง่ายๆ ได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องในแบบที่เรียกกันว่า ‘พล็อตหนังร้อยล้าน’ มีคุณสมบัติและปัจจัยเอื้ออำนวยต่อการเป็นหนังฮิตหนังทำเงินเอามากๆ จนไม่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใดจึงมีการนำไปทำซ้ำสร้างใหม่อยู่เนืองๆ 

ประการต่อมาคือความจัดเจนแม่นยำในการกำกับของออริโอล เปาโล มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบาช้าสลับเร็วที่ลงตัวมาก 

รีวิว Mirage(2018)

ที่สำคัญคือ ในหนังที่มีพล็อตเกี่ยวกับความลับและการล่อหลอกคนดูส่วนใหญ่ เมื่อติดตามดูจนจบแล้วนึกย้อนทบทวนรายละเอียดต่างๆ ที่ปูพื้นไว้ตั้งแต่ต้น ผู้ชมมักจะพบรูรั่วรอยโหว่อันเกิดจากความจงใจของคนทำหนังที่จะล่อหลอกทำเซอร์ไพรส์  

จนขาดความเป็นเหตุและผล (ควรระบุไว้ด้วยนะครับว่าความเป็นเหตุเป็นผลในหนังประเภทนี้ไม่ได้ละเอียดถึงขั้นสร้างความสมจริง แต่เป็นเหตุและผลแบบเรื่องแต่งที่ทำให้คนดูยอมรับได้ว่า make sense เพียงพอ) 

ในแง่นี้ฝีมือการเขียนบทของออริโอล เปาโล รัดกุมถี่ถ้วนมาก กระทั่งในบางจุดที่เห็นชัดว่าคนทำหนังโกงผู้ชมด้วยความเจ้าเล่ห์ ก็ยังมีการให้เหตุผลคำอธิบายรองรับไว้ครบครัน 

โดยแนวทางยืนพื้น หนังของออริโอล เปาโล เป็นงานแนวตื่นเต้นระทึกขวัญ มีเหตุการณ์ฆาตกรรมเป็นจุดสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวให้คืบหน้า

และมักมีแง่มุมเกี่ยวกับผู้ชายที่นอกใจภรรยาตนเองไปมีหญิงอื่น เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุร้ายที่นำไปสู่ความวายป่วงทั้งหลายทั้งปวง 

Mirage มีองค์ประกอบข้างต้นทุกประการ แต่สิ่งที่พิเศษและแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ของออริโอล เปาโลก็คือ มันยังห่อหุ้มเคลือบคลุมด้วยความเป็นหนัง sci-fi อีกชั้นหนึ่ง 

รีวิว Mirage (2018) สรุปโดยรวม

ถ้าคิดว่า The Invisible Guest สนุกสนานหักมุมไม่พอแล้ว เรื่องนี้ไปได้ไกลยิ่งกว่าเดิม การหยิบเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันมาสร้างสรรค์ในสไตล์ไซไฟวิทยาศาสตร์การเป็นงานที่น่าทึ่ง หนังพูดในมุมที่ว่าถ้าหากเราแก้ไขอดีตได้ขึ้นมาจริงๆ  

สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจะสะท้อนมายังการกระทำในปัจจุบัน และทุกอย่างมันเชื่อมโยงเข้าหากัน อดีตปัจจุบัน และอนาคตแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันคือตัวกำหนดตัวละคร เบร่า เมื่อความไม่รู้อยากช่วยเหลือคนกลับทำให้ชีวิตเธอพลิกผันไปทันที  

รีวิว Mirage(2018)

สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจะสะท้อนมายังการกระทำในปัจจุบัน และทุกอย่างมันเชื่อมโยงเข้าหากัน อดีตปัจจุบัน และอนาคตแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันคือตัวกำหนดตัวละคร เบร่า เมื่อความไม่รู้อยากช่วยเหลือคนกลับทำให้ชีวิตเธอพลิกผันไปทันที  

หนังเล่าในมุมมองที่เข้าใจยากแล้วค่อยๆทำให้ดูง่ายๆ ผ่านเส้นเรื่องคืออดีตและปัจจุบัน ที่ถูกเชื่อมโยงเข้าหากันเป็นเสมือนโลกคู่ขนาน ช่วงแรกหนังเปิดพื้นที่ให้เราคิดตามว่า การแก้ไขอดีตช่วยเหลือไม่ให้เด็กชายนิโกตายมันทำให้เธอได้ผลลัพธ์ตามมาบ้าง  

ชีวิตในปัจจุบันเธอกลายเป็นคนแปลกหน้าทันที ชอบที่หนังแสดงให้เห็นว่าทุกการกระทำไม่ว่าจะอดีตปัจจุบันอนาคต มันทำให้ชีวิตเราเจอได้ทั้งเรื่องแย่ๆเรื่องที่ดีได้เหมือนกัน

ทุกอย่างมาพร้อมความเสี่ยงมีราคาที่ต้องจ่าย และตัวเบร่า ต้องต่อสู้กับความไม่ปกติกับสิ่งที้เกิดขึ้น  

บทสรุปหนังตอนจบอาจธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้หนังไปได้ตลอดรอดฝั่ง คือเองก็ไม่ได้ทิ้งปมปัญหาที่พอเล่าไปเรื่อยๆมันโยงใยไปยังคดีฆาตกรรมที่ทำให้เนื้อหาสนุกไปอีกขั้นหลอกซ้อนหลอก