รีวิว The Invisible Man

รีวิว The Invisible Man

ดูหนังเถื่อน สนุกมากกก สมควรกับคะแนน Rottentomatoes ที่ 91% หนังสร้าความตึงเครียดได้ตั้งแต่นาทีแรกยันจบ มีให้พักหายใจได้แต่ละช่วงไม่กี่นาที ดูแล้วก็ชวนให้นึกว่า “มนุษย์ล่องหน” นี่มีคุณสมบัติที่จะเป็นตัวร้ายในหนังสยองขวัญแบบนี้มากกว่า ที่จะถูกเล่าในภาพลักษณ์พระเอกอย่างใน Hollow Man (2000) รีวิว The Invisible Man รีวิวหนังผี ดูหนังออนไลน์

หนังถูกเล่าผ่านตัวนางเอก ซีซิเลีย แคสส์ ภรรยาของ เอเดรียน กริฟฟิน นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังทางด้านการมองเห็น เริ่มเรื่องมาก็เป็นฉากที่ซีซิเลียกำลังหนีออกจากบ้านหรูหลังมหึมาที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา หนังไม่ได้ปูพื้นมาว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร แต่สื่อผ่านทีท่าที่ซีซิเลียหวาดกลัวสามีของเธออย่างสุดขีด ให้คนดูตีความกันเอาเอง ก็เป็นฉากลุ้นยาว ๆ ให้ต้องเอาใจช่วยกันตั้งแต่เปิดเรื่อง ดูหนังฟรี

หลังเธอหนีพ้นมาได้ไม่นาน เอเดรียนก็ฆ่าตัวตายกลายเป็นข่าวใหญ่ ที่น่าสงสัยก็คือเอเดรียนทำพินัยกรรมมอบมรดกมูลค่ามหาศาลทั้งหมดให้กับซีซิเลีย ระหว่างที่ซีซิเลียสงสัยว่าการตายของเอเดรียนต้องมีเงื่อนงำแอบแฝงบางอย่างเพราะเธอรู้จักธาตุแท้ของสามีเธอเองเป็นอย่างดี ไม่นานจากนั้นซีซิเลียก็เริ่มสัมผัสได้ว่า มีใครเฝ้ามองและคอยติดตามเธอแต่เธอมองไม่เห็น

เห็นได้ชัดว่าฝีมือการกำกับของ ลีห์ แวนเนล ก้าวกระโดดจากเรื่อง Insidious: Chapter 3 อย่างมาก ขอย้อนความสักนิดสำหรับคนที่ไม่รู้จักชื่อ ลีห์ แวนเนล เขาผู้นี้คือเพื่อนสนิทของ เจมส์ วาน เขาเป็นคนเขียนบทและแสดงนำเรื่อง Saw ภาคแรก หนังที่แจ้งเกิดให้เจมส์ วาน กลายเป็นผู้กำกับชื่อดังแบบฉุดไม่อยู่ไปแล้ววันนี้ ส่วนลีห์ ก็ยังกระเตาะกระแตะ เขียนบทหนังไปเรื่อย เขาเขียนบท Saw ไปจนถึงภาค 3 และ Insidious ทุกภาค

จนเริ่มมาลองจับงานกำกับครั้งแรกใน Insidious: Chapter 3 เรื่องถัดมาคือ The Upgrade ปี 2018 ถ้าใครหามาดูได้แนะนำเลย หนังสนุกมาก จนล่าสุดก็คือ The Invisible Man นี่ล่ะ ที่ฝีมือของลีห์ ก้าวกระโดดและฉายแสงว่าฝีมือเขาไม่น้อยหน้าเพื่อนสนิทล่ะ แล้วในฐานะที่เป็นผู้กำกับที่เขียนบทเอง ยิ่งจะได้เปรียบด้วยเพราะจะรู้ลึกว่าแต่ละฉากควรจะถ่ายทอดภาพออกมาอย่างไร โดยไม่ต้องอธิบาย

แล้ว The Invisible Man ของลีห์ ก็สามารถทำให้ มนุษย์ล่องหน นั้นออกมาได้น่ากลัวอย่างกับปีศาจร้ายตัวหนึ่งเลยเชียว ชอบมากกับการเล่นกับการคาดเดาคนดู บ่อยครั้งที่ลีห์เลือกแช่กล้องนิ่ง ๆ แล้วปล่อยให้นักแสดงเดินไปมา ด้วยการรับรู้ของคนดูว่า มนุษย์ล่องหนอาจะแอบอยู่ในฉากนั้น ก็ยิ่งต้องจ้องว่าจะมีอะไรขยับเขยื้อนไหม จ้องไปก็ลุ้นไปว่าจะมีอะไรโผล่มาให้ตกใจไหม หนังค่อนข้างเงียบมาก ยิ่งเพิ่มความกดดัน ใช้ดนตรีประกอบน้อยมาก แล้วทุกครั้งที่ใช้ก็ได้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจริง

รีวิว The Invisible Man

ก่อนที่จะดูรู้สึกขัดกับภาพลักษณ์ของ เอลิซาเบ็ธ มอส อย่างมาก เป็นนางเอกที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายนักและไม่ได้มีเสน่ห์ดึงดูดเลย แต่ก็ถูกนำมาใช้เป็นชื่อขายปะหัวหนังเลยด้วยซ้ำ แต่พอได้ดู ก็ต้องชื่นชมเธอจริง ๆ ด้วยเอกลักษณ์ที่เป็นสาวตาโต กับบทที่ต้องเล่นคนเดียวบ่อยครั้ง ยิ่งจำเป็นที่เธอต้องสื่อความรู้สึกอย่างมากผ่านสายตาและสีหน้า มีอยู่ฉากหนึ่งที่เธออยู่คนเดียวแล้วพูดความในใจกับสามีที่เป็นมนุษย์ล่องหน เป็นฉากยาวที่เธอเริ่มพูดจากสีหน้าธรรมดา จากนั้นก็เริ่มระบายความรู้สึกคั่งแค้นที่เก็บกดไว้ในใจ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปตามระดับอารมณ์ เป็นสีหน้าของหญิงที่ผ่านความระทมทุกข์น้ำตาไหลพราก เป็นฉากที่โชว์ฝีมือการแสดงให้เห็นจริง เธอคนเดียวเอาหนังได้อยู่จริง ชื่นชมครับ

แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความดีความชอบส่วนใหญ่ต้องเทไปที่บทของลีห์ แวนเนล ที่เล่าเรื่องราวได้ระทึกตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง แค่เปิดฉากมาก็โยนปริศนาโครมใหญ่ใส่คนดูแล้ว เอเดรียน กริฟฟิน มีจุดประสงค์อะไร, เขากลายเป็นมนุษย์ล่องหนได้อย่างไร, แล้วเอเดรียนที่เป็นศพจากการกรีดข้อมือตัวเอง มามีตัวตนในร่างมนุษย์ล่องหนได้อย่างไร หนังค่อย ๆ คลี่คลายไปทีละเปลาะ พร้อมทั้งหยอดปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ

เข้ามาใหม่ตลอดทาง แถมมีหักมุมในช่วงท้าย หนังสร้างบรรยากาศอึมครึม กดดันได้ทั้งเรื่อง และที่สำคัญฉีกออกจากสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญได้ ด้วยการไม่เน้นตุ้งแช่ และไม่มีฉากแหวะ ลีห์ แวนเนล ดูสนุกกับการเล่นกับการคาดเดาของคนดู ให้ลุ้นเอาเองว่ามนุษย์ล่องหนจะโผล่มาตอนไหน ฉากไหน ที่ชอบอีกอย่างคือการปรับบทให้เข้ากับยุคสมัย รอบนี้มนุษย์ล่องหนหายตัวได้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ดูเป็นไปได้จริงกว่าการทำร่างกายตัวเองให้โปร่งแสงในเวอร์ชันก่อน ๆ

แต่ก็มีบางจุดที่ชวนขัดใจ แล้วก็ชวนให้รู้สึกเสียดายที่ลีห์ ยอมปล่อยให้หนังมีช่องโหว่มากมายเสียเหลือเกินไม่เช่นนั้นหนังจะสมบูรณ์กว่านี้มาก ยิ่งถ้าหนังได้เวลาเพิ่มมาสัก 10 นาที ให้คนดูได้เห็นความโหดร้ายของ เอเดรียน กริฟฟิน ว่าเขาทำอะไรกับ ซีซิเลีย ไว้บ้าง การมาถึงของเอเดรียน ในร่างมนุษย์ล่องหน จะชวนระทึกกว่านี้มาก ยิ่งได้ โอลิเวอร์ แจ็กสัน-โคเฮ็น มารับบทเอเดรียน แม้มีเวลาบนจอไม่กี่นาที โอลิเวอร์ก็ฉายแววโรคจิตให้สัมผัสได้จริง แต่โดยรวมแล้วหนังก็สร้างสมคะแนนทางด้านบวกไว้มาก ทำให้ช่องโหว่เหล่านี้ไม่ฉุดคะแนนลงไปมากนัก

รีวิว The Invisible Man

รีวิว The Invisible Man

หนังใช้ทุนสร้างไปจุ๋มจิ๋มมากแค่ 7 ล้านเหรียญ ลงทุนกับฉากซีจีนิด ๆ หน่อย ๆ ใช้ตัวแสดงหลักแค่ 6 คนเท่านั้น พอเข้าฉายแค่สัปดาห์เดียวกวาดไปแล้ว 53 ล้าน คนที่ยิ้มสุดคือ เจสัน บลัม เจ้าของค่าย Blumhouse Production สตูดิโอที่เน้นสร้างแต่หนังสยองขวัญ ที่เดินเกมฉลาดมากกับการไปรับเหมาโพรเจกต์ Dark Universe มาจากค่ายยูนิเวอร์แซล

หลังโพรเจกต์นี้ล้มไม่เป็นท่าตั้งแต่เรื่องแรก เหตุจาก The Mummy หนังขายชื่อ ทอม ครูซ ในปี 2017 เจ๊งเละเทะ เดิมทียูนิเวอร์แซลวางตัว จอห์นนี่ เด็ปป์ ให้เป็นมนุษย์ล่องหนไว้ด้วยซ้ำ พอ The Invisible Man เปิดตัวที่ BlumHouse ได้สวยงามแบบนี้ ทำให้แฟนหนังสยองขวัญจะได้ดู มนุษย์หมาป่า, แดรกคูล่า, แฟรงเกนสไตน์ เป็นลำดับต่อไปอย่างแน่นอน

เรื่องย่อก็มีอยู่ว่า หญิงสาวชื่อ Cecilia Kass (Elisabeth Moss) ได้หนีออกจากบ้านหรูของ Adrian Griffin (Oliver Jackson-Cohen) สามีของเธอที่ทนกับพฤติกรรมที่รุนแรงและถูกควบคุมตลอดเวลาไม่ไหว จนถึงได้พบข่าวในภายหลังว่า สามีของเธอได้ฆ่าตัวตายไป พร้อมกับเงินทรัพย์สมบัติจากสามีเธอเอง

เธอก็นึกว่าฝันร้ายของเธอคงได้จบลงแล้ว แต่…กลับมีบางอย่างเคลือบคลานเข้ามาเล่นเกมสงครามประสาทเพื่อที่จะทำลายชีวิตเธอ จนเธอเริ่มจะสงสัยว่าสามีของเธออาจยังไม่ตาย!!!

ชอบที่หนังเขาจัดฉากเน้นพื้นที่โล่งๆ ไม่ก็มืดๆว่างเปล่า ให้รู้สึกว่าไม่ว่างเปล่าได้ มันมีความระเวงไม่แน่นอนตลอดเวลา (แต่ชีนพวกนี้คนชอบเล่นชอบจับผิดคงถูกใจกับชีนพวกนี้) โดยเรื่องนี้เขาไม่เล่นทุนสูงมากจนเลี่ยนเหมือนจักรวาลอื่นๆ เน้นบทเนื้อเรื่องและการแสดงขั้นเทพของ Elisabeth Moss ที่ขอบอกเลยว่าเดือดไม่แพ้ตัวเนื้อเรื่องเลยทั้งสีหน้าแววตาให้เราเชื่อได้เลยว่าความตายรออยู่ตรงหน้าเธอ

แต่ความสยองลุ้นระทึกคงไม่พอ ต้องมีฉากแอ็คชั่นเจ๋งๆด้วย พร้อมกับมุมกล้องที่ไม่เหมือนใครฉีกทุกภาพจำทั้งหมดในโลกภาพยนตร์

แถมตัวหนังได้ใส่ประเด็นเรื่องความรุนแรงของคู่รัก หรือ ภายในครอบครัว และถูกควบคุมและกดขี่โดยผู้ที่ใหญ่กว่า ได้ดีไม่รู้สึกมันยัดเยียดเลยชะนิด

ใครที่เคยดูละครไทยเรื่อง “เนื้อใน” น่าจะเข้าใจประเด็นที่กำลังจะสื่อในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก

ภาพยนตร์เรื่องThe Invisible Man (2020) เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญ จิตวิทยาที่ดูสนุกลุ้นระทึก พร้อมสอดแทรกประเด็นความรุนแรงภายในครอบครัว ได้ชาญฉลาดไม่ยัดเยียด ฉีกทุกภาพจำ ไม่พยายามเล่นใหญ่เหมือนครั้งก่อนที่เคยพลาดไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าทางสตูดิโอจะเปิดเรื่องราวมอนสเตอร์ในรูปแบบสยองขวัญทุนต่ำที่มันควรจะเป็นชะที

หนังมีการใช้บันไดปีนไต่หรือการก้าวข้ามผ่านที่สูงชันอยู่เรื่อย ๆ เช่น ทันทีที่ Cecilia ได้เงินมรดกส่วนหนึ่ง เธอไปซื้อบันไดใหม่ (สำหรับช่างทาสี) ให้ James ซึ่งชอบทำบ้าน และให้ Sydney ปีนขึ้นบันไดนั้นเพื่อไปหยิบซองที่อยู่บนเชลฟ์ ในซองคือ Cecilia เปิดบัญชีเงินทุนการศึกษาให้หลานสาวสุดที่รักใช้เป็นค่าเทอมและค่าใช้จ่ายราคาแพงสำหรับการเข้าเรียนโรงเรียนแฟชั่นตามความฝัน

หรือฉากสำคัญฉากหนึ่งที่หลอนและชวนสะดุ้งติดหูติดตาเราจนถึงทุกวันนี้คือฉากที่ Cecilia ปีนขึ้นไปห้องใต้หลังคา และพบกับสิ่งของ 3-4 สิ่งที่ The Invisible Man เอาขึ้นไปวางซ่อนไว้ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถนำไปสู่อิสรภาพ ความปลอดภัย หรือความมั่นคงในชีวิตได้ เช่น กุญแจบ้าน พอร์ตฯ ผลงานทางสถาปัตย์ที่ใช้ยื่นสมัครงานได้ จนไปถึงอาวุธอย่างมีด

รวมถึงฉากปิดสุดท้ายของหนัง ที่ Cecilia สามารถกำจัด The Invisible Man นั้นได้แล้วจริง ๆ เธอก้าวขึ้นบันไดอย่างสตรองและสง่าผ่าเผย หนังตัดจบที่ตรงนั้น… ตรงที่เธอขึ้นมาสูดอากาศรับอิสรภาพ ณ จุดสูงสุดของบันไดนั้น… เธอหลุดพ้นแล้วจริง ๆ